‘แม่ทัพกุ้ง’ ซัดกัมพูชา ขัดข้อตกลงทุ่นระเบิด แนะให้ตอบโต้จากเบาไปหาหนัก

วันนี้ (10พ.ย.68) พลโท บุญสิน พาดกลาง หรือ “แม่ทัพกุ้ง” อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก เดินทางมายัง "เนชั่นกรุ๊ป" พร้อมกับให้สัมภาษณ์แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์แนวชายแดนที่กลับมาตึงเครียดอีกครั้งหลังจากมีทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนได้รับบาดเจ็บ

พลโท บุญสิน กล่าวให้กำลังใจน้อง ๆ ทหารทุกนายให้มุ่งมั่นทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติและแผ่นดินต่อไป พร้อมกับขอให้ทางรัฐบาล และกองทัพ พิจารณาดำเนินการ เนื่องจากเห็นว่าในเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เคยตกลงกันไว้ในการช่วยกันเก็บกู้ทุ่นระเบิดนั้น ยังมีปัญหาและยังคงเกิดระเบิดอยู่

"การตอบโต้ควรจะพิจารณาจากเบาไปหาหนัก  เนื่องจากอีกฝ่ายได้ขัดข้อตกลงที่ได้ลงกันไว้ในเรื่องการวางทุ่นระเบิดกับระเบิด" พล.ท.บุญสิน กล่าว

ย้ำชัด ไร้คำสั่งหยุดยิงในห้วงแรกของการปะทะ

สำหรับประเด็นสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาก่อนหน้านี้ พลโท บุญสิน ยืนยันว่า ในห้วงแรกของการปะทะไม่ใช่คำสั่งหยุดยิง แต่เป็นเรื่องที่สถานการณ์พาไป เหตุการณ์ปะทะวันแรกเกิดขึ้นหลังจากที่ฝ่ายไทยปิดตาเมือนธม แล้วทหารกัมพูชาได้ยิงเข้ามาก่อนทางด้านปีกซ้าย ซึ่งนำมาสู่การปะทะตลอดแนว และเป็นส่วนหนึ่งของแผนการทวงคืนแผ่นดิน

"ในห้วงแรกของการปะทะไม่มีผู้บัญชาท่านใดสั่งหยุดยิง เป็นเพียงการหารือกันรายวันตามปกติ เพื่อสอบถามข่าวคราว ดูสถานการณ์ และเป็นห่วงในชีวิตของกำลังพลเท่านั้น"

พลโทบุญสิน กล่าวปฏิเสธกระแสข่าวโซเชียลที่ว่ามีการขอให้หยุดยิงภายใน 6 ชั่วโมง หรือมีสายตรงจากผู้ใดมาสั่งการ โดยยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และทุกคนได้ปฏิบัติหน้าที่ในห้วงการรบอย่างเต็มที่

"คำสั่งหยุดยิงอย่างเป็นทางการที่ต้องปฏิบัติ นั้นเกิดขึ้นในภายหลัง คือ วันที่ 28 กรกฎาคม ซึ่งเป็นคำสั่งที่ถูกต้องและได้รับความเห็นชอบจากคณะผู้เจรจาของทั้งสองประเทศ"

ยินดีเข้าชี้แจง กมท.ทหาร และภารกิจทวงคืน “ปราสาทตาควาย”

พลโท บุญสิน ยังกล่าวถึงกำหนดการที่จะถูกเชิญไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการทหาร (กมธ. ทหาร) โดยแสดงความยินดีที่จะไปพบและชี้แจงเรื่องสถานการณ์จริงในห้วงที่ท่านปฏิบัติหน้าที่ พร้อมหวังว่าจะได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาของประเทศชาติตามแนวเส้นเขตแดนต่อไป

นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงภารกิจทวงคืนแผ่นดินส่วนที่เหลือ โดยระบุว่า แม้ในช่วงเดือนกันยายน ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายก่อนเกษียณ ตนและฝ่ายทหารได้เตรียมการที่จะเอาคืนพื้นที่แล้ว แต่เนื่องจากสถานการณ์ขณะนั้น รวมถึงการประชุม UN ทำให้ไม่เหมาะสมที่จะดำเนินการ

จึงฝากให้พี่น้องทหารที่ยังรับราชการอยู่ดำเนินการทวงคืนในส่วนที่เหลือต่อไป เช่นปราสาทตาควาย และพื้นที่อื่น ๆ ที่ยังคงเหลืออยู่ โดยเน้นย้ำว่า การดำเนินการเพื่อทวงคืนแผ่นดินต้องทำด้วยความรอบคอบและค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป