KEY
POINTS
วันนี้ (18 ตุลาคม 2568) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดใจภายหลังที่ประชุมใหญ่วิสามัญของพรรค ลงมติให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนใหม่ วันนี้ ว่า ประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองเดียวที่มีกระบวนการเลือกตั้งแบบนี้ และทำให้คนที่ได้รับเลือกตั้งมาเป็นหัวหน้าพรรคสำนึกอยู่เสมอว่า การเข้ามาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคนั้นเป็นได้เพราะความยินยอมพร้อมใจของบรรดาสมาชิกทั่วประเทศที่เป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง
จนถึงวันนี้ผมก็ยืนยันว่าไม่มีพรรคการเมืองอื่นที่มีกระบวนการแบบนี้ ฉะนั้นผมกราบขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง ที่เป็นส่วนสำคัญในการยืนยันว่า ในประเทศไทยยังมีพรรคการเมืองที่มีความเป็นประชาธิปไตยในพรรค
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอใช้เวลานี้ขอบคุณหัวหน้าเฉลิมชัย ซึ่งแม้ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมในวันนี้ อยากจะบอกว่าผมกับท่าน ไม่ว่าเราจะมองหรือคิดต่างกันในบางเรื่องในบางครั้งบางคราว แต่ผมไม่เคยตั้งคำถามในเรื่องของความทุ่มเทของท่าน ที่มีให้กับบรรดาสมาชิกพรรค และเชื่อว่าบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บรรดาอดีตผู้สมัคร บรรดาสาขาต่าง ๆ เป็นพยานที่ดีที่สุดในเรื่องของความทุ่มเทของหัวหน้าเฉลิมชัย แม้ท่านไม่อยู่ในที่นี้
“สัจจัง เว อมตา วาจา คือข้อความที่ปรากฏอยู่บนสัญลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย และกาลเวลาพิสูจน์ความจริงเสมอ เกือบ 2 ปีที่แล้วจำได้ว่าเคยทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าในชีวิตนี้ต้องทำ คือการลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก่อนลาออกอยากให้ไปดูคำพูดที่บอกว่า ผมไม่มีพรรคอื่น ผมไม่ไปพรรคอื่น กรีดเลือดผมออกมาก็เป็นสีฟ้าจนตาย และจะเอาอุดมการณ์ประชาธิปัตย์รับใช้พี่น้องประชาชนและประเทศชาติ ผมเป็นลูกพระแม่ธรณี จะยึดถือสัจจะและความซื่อสัตย์เป็นที่ตั้งตลอดไป”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้คุยกับเพื่อน ๆ ประชาธิปัตย์ทุกคนหวั่นไหวกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับความเสียเปรียบหลายประการของพรรคและทุกคนทราบดีว่า การมาเที่ยวนี้โดยส่วนตัวไม่มีทางกำไรครับ อย่างมากสุดก็เสมอตัว ขาดทุนไม่มากก็น้อยน่าจะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุด แต่ระลึกเสมอว่าชีวิตมาถึงจุดนี้ได้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ จะลำบากอย่างไรจะขาดทุนเท่าไหร่ ก็ต้องกลับมา กลับมาเพื่อให้พรรคการเมืองนี้อยู่คู่ประเทศไทยตลอดไปให้ได้
“ผมไม่ได้คิดเฉพาะเรื่องพรรคครับ ผมก็เป็นหนี้ประเทศนี้ แผ่นดินนี้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ผมเติบโตมา ผมเคยใช้ชีวิตไปต่างประเทศ ผมรู้ว่าประเทศนี้มีอะไรดี ๆ มากมาย ผมไม่เคยคิดอยู่ที่อื่น บางคนแซวผมด้วยซ้ำว่าถ้าผมไปเกิดที่อื่นเล่นการเมืองที่อื่นน่าจะรุ่งกว่านี้ในประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ไม่ใช่ ที่นี่คือที่ผมรักและผมเชื่อว่าพวกเรารักที่สุด และหลายครั้งเราบ่นอะไรเกี่ยวกับเรื่องประเทศก็ตาม คนทั่วโลกยังเห็นคุณค่าของประเทศไทยและน้ำใจของคนไทย ที่ผมเชื่อมั่นตลอด ผมจึงต้องชดใช้หนี้แผ่นดินนี้เหมือนกับที่ผมต้องชดใช้หนี้ให้กับพรรคประชาธิปัตย์”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้ เศรษฐกิจติดหล่ม สังคมเหลื่อมล้ำ ความยุติธรรมหดหาย หลายปีที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นคนภายนอกมองประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการที่พวกเราสัมผัสอยู่กับความเป็นจริงของชีวิตของพี่น้องประชาชน ทุกคนห่วงใยว่า ว่าประเทศเราเดินต่อแบบนี้ได้หรือ โดยปีสุดท้ายที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำรัฐบาล คือปี 2554 เป็นปีแรกที่เศรษฐกิจไทยขยับขึ้นไปเป็นประเทศรายได้ปานกลางขั้นสูง
แต่เวลาผ่านไปจนถึงวันนี้ 14 ปี วันนี้แม้แต่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ก็ไม่มีใครมั่นใจเลยว่าเราจะขยับขึ้นไปอีกขั้นได้เมื่อไหร่ วันนี้ตัวเลขเศรษฐกิจถ้าโตขยับใกล้ 2% ก็ดีใจโล่งใจกันแล้ว ซึ่งเห็นว่าไม่เพียงพอที่จะยกระดับความเป็นอยู่และชีวิตของพี่น้องประชาชน โดยเศรษฐกิจที่ติดหล่มมาเป็น 10 ปี ทุกวันนี้เรา เราลุ้นกันได้แค่คนละครึ่งพลัส ที่อาจจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ในยามลำบาก แต่ 3-4 เดือนหลังจากโครงการจบ สิ่งที่ทิ้งไว้ก็เพียงแต่หนี้ของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่สังคมไทยวันนี้ ผู้สูงอายุจำนวนมาก ทำให้สังคมเราเป็นสังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์แบบ ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเพิ่มขึ้น ขณะที่โลกเปลี่ยนชีวิตของคนหนุ่มสาวขาดความมั่นคง ขาดความแน่นอน ทุกคนประสงค์จะมีสวัสดิการที่ดีเกือบทั้งสิ้น แต่การเมืองเราหลอกตัวเองหลอกประชาชนหรือไม่ ว่ากำลังจะหยิบยื่นสวัสดิการให้กับประชาชนได้ แต่เก็บภาษีได้ไม่ถึง 15% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมหรือรายได้ของประเทศ
“ทุกวันนี้แม้เศรษฐกิจโต ถามว่าโตแล้วไปอยู่ที่ไหน นักวันการผูกขาดไม่ว่าจะเป็นทางเศรษฐกิจหรือทางการเมือง และความสัมพันธ์ระหว่างการผูกขาดทางเศรษฐกิจกับการผูกขาดอำนาจทางการเมือง ก็มีความแน่นแฟ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เราจะนิ่งดูดายปล่อยให้ประเทศเดินไปแบบนี้ไม่ได้ และอย่างที่ผมบอกขณะที่ทุกคนเชื่อมั่นในคนไทยและประเทศไทย การเมืองไทยคือสิ่งที่ฉุดรั้งไม่ให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันนี้ได้นำคนใหม่ ๆ ให้โอกาสเข้ามาทำงาน เพราะวันนี้สิ่งที่ประเทศไทยต้องการที่สุดคือเครื่องจักร ที่จะทำให้เศรษฐกิจโตต่อไปได้ เช่น ดร.การดี เลียวไพโรจน์ เข้ามา เพราะรู้ว่าเทคโนโลยีจะชี้นำการเปลี่ยนแปลงของโลก และการพัฒนาเศรษฐกิจ คนไทยใช้เทคโนโลยีเก่งมากใช้การโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ อันดับต้น ๆ ของโลก แต่เศรษฐกิจดิจิทัล มูลค่าเพิ่มที่ตกอยู่กับมือคนไทยน้อยนิด
“ไม่อยากให้พรรคการเมืองคิดได้แค่ว่านโยบายอะไรฟังดูแล้วถูกใจ มีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นชั่วครู่ชั่วยาม แล้วก็มาติดหล่มกันต่อ เราต้องเอาตัวนี้เป็นตัว และเทคโนโลยีมีศักยภาพมหาศาล เช่น ถ้าเกษตรกรของเรา โดยเฉพาะเกษตรกรที่ยากจนด้อยโอกาสที่สุด เกษตรกรรายย่อยสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทั้งโดรน เอไอ ระบบอัจฉริยะ ผลผลิตรายได้ของภาคการเกษตรจะเพิ่มขึ้นได้มหาศาล และ เพื่อไม่ให้ถูกกีดกันจากบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้ว ผมจึงเอาคนอย่างคุณวีระพงษ์ ประภาเข้ามาเพราะรู้ว่าประเด็นที่โลกต้องการและประเด็นที่โลกกดดันประเทศไทยมันคืออะไร”
ขณะเดียวกันยังเห็นว่า คนหนุ่มสาวที่เติบโตขึ้นมาวันนี้ ไม่ได้มองหาโอกาสทางเศรษฐกิจเหมือนคนรุ่นเก่า เขาอยากขายของออนไลน์ เขาอยากสร้างโอกาสตัวเองและเขามีอิสระ ซึ่งเรียกว่า เศรษฐกิจชั่วคราว หรือ Gig Economy ทั้งหมดนี้เป็นโจทย์ที่ผมกับทีมงานชุดใหม่จะเฟ้นออกมาว่าเรากำลังจะสร้างทั้งโอกาสและความมั่นคงให้กับคนรุ่นใหม่ที่กำลังจะเติบโตขึ้นมาอย่างไร
แต่ทั้งหมดนี้การเมืองต้องเปิดประตู การเมืองที่จะเปิดประตูคือการเมืองที่ต้องมาแข่งขัน การนำเสนอความคิดวิสัยทัศน์แบบนี้ และไม่ใช่นโยบายเป็นชิ้นเป็นชิ้นปราศจากการคิดเป็นระบบและมีกรอบความคิดหรืออุดมการณ์รองรับ
“วันนี้จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ตกอยู่ในวังวนวาทกรรม ไม่ต้องมาถามว่าเราอนุรักษ์หรือเราประชาธิปไตย หรือเรากั๊ก จะเป็นอนุรักษ์ก้าวหน้าไม่ต้องถามเรา เพราะเราประกาศอุดมการณ์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2489 ว่าเราคือต้นตำรับของพรรคเสรีประชาธิปไตยในประเทศไทย”
ขณะเดียวกันยังระบุว่า วันนี้ไม่ต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่นำเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์ เข้ามาอยู่ในวังวนของความขัดแย้งทางการเมือง เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์คือศูนย์รวมจิตใจของประชาชนคนไทย ที่ต้องอยู่เหนือการเมืองไม่ว่าเราจะมีแนวความคิดการเมืองต่างกันอย่างไร
รวมทั้งต้องไม่เอาองค์กรอย่างกองทัพ เข้ามาเป็นประเด็นทางการเมือง กองทัพจะทำหน้าที่ได้อย่างไร ถ้าพรรคการเมืองมีอคติกับกองทัพ และกองทัพเวลาปกป้องแผ่นดินไทย การเมืองไปโหนไม่ได้ เพราะการเมืองต้องช่วยสนับสนุนด้วยการดำเนินนโยบายการต่างประเทศ การทูตเชิงรุก เพื่อให้การทำงานของทหารและกองทัพทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและสบายใจมากยิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้ยังไม่ควรเอาเรื่องความมั่นคงของประเทศ และไม่ควรเอานโยบายการต่างประเทศมาเสี่ยง ผลักภาระให้ประชาชนลงประชามติในสิ่งที่ประชาชนยังไม่เข้าใจ และยังไม่แน่ใจว่าคนที่คิดให้ถามตัวเอง เข้าใจหรือยัง และจะปล่อยให้การเมืองที่ฉุดรั้งทุกสิ่งทุกอย่างจากการทุจริตคอร์รัปชั่น ให้เดินต่อไปได้ครับ
“ถ้าประชาธิปไตยไม่ได้เริ่มต้นด้วยการเลือกตั้งที่สุจริตเที่ยงธรรม แต่เป็นการประมูลซื้อเสียงซื้อ ส.ส. แล้วคอร์รัปชั่นกลับเซาะไปทุกองค์กร เป็นต้นทุนมหาศาล ไม่เพียงแต่ในแง่ตัวเงิน แต่ความไว้วางใจซึ่งกันและกันของคนในสังคม ที่จะถูกทำลายและนำมา สู่กฎระเบียบกติกาที่ซับซ้อนยุ่งยาก เพื่อพยายามแก้ไขสิ่งนี้ แต่กลายเป็นเปิดช่องให้มีการทุจริตคอร์รัปชันในช่องทางใหม่ ไม่จบไม่สิ้น วันนี้เราต้องถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะผลักดัน ให้ความซื่อสัตย์และการบริหารบ้านเมืองที่สุจริตกลับมาให้ได้”
อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้โจทย์ใหญ่กว่า เรื่องว่าพรรคปชป. จะมี ส.ส. กี่คน โจทย์เหล่านี้คือหน้าที่ของพรรคการเมืองที่ตนมั่นใจว่า ถ้าเราแก้ได้เราจะอยู่คู่ประเทศไทย เราจะไม่หายไปไหน เราจะเป็นหลัก เราจะเป็นความหวังของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็เป็นเส้นทางที่เหนื่อย
“สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่สังคมกำลังต้องการ ท่านเห็นไหม ประชาชนโหยหาทางเลือก เค้าเบื่อหน่ายกับพรรคการเมืองที่เขามองว่ามีไว้เพียงแค่แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ดีลลับ สับปรับวันเว้นวัน เขาต้องการการเมืองที่อาสาเข้ามาแก้ปัญหาให้กับเขาอย่างแท้จริง”
อย่างไรก็ตามยอมรับว่า สถานการณ์วันนี้ต้องบอกว่าเป็นโจทย์หนักอย่างยิ่ง เพราะถ้าเป็นไปตามกำหนดการที่วางเอาไว้ อีกเพียงไม่กี่เดือนก็ต้องเลือกตั้งแล้ว หลายคนมากระซิบว่า กำลังกังวลเรื่อง ส.ส. ที่จะย้ายพรรค ซึ่งตนเองเป็นนักการเมืองมา 30 ปี ก็เข้าใจเหตุผลของแต่ละคนมีอยู่หลากหลาย แต่อย่าไปเครียด พรรคต้องสร้างคนอย่างต่อเนื่อง และถ้าคนที่เข้ามาพร้อมที่จะต่อสู้อย่างเหน็ดเหนื่อยภายใต้อุดมการณ์ของเรา เขาก็คือกำลังสำคัญที่จะทำให้พรรคอยู่ต่อไปได้
“พรรคการเมืองที่พยายามดูด ส.ส. ด้วยอำนาจเงิน อำนาจรัฐ หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมดูบอลอังกฤ ระวังนะครับ ศูนย์หน้าฟอร์มดีๆ ค่าตัวแพงที่สุด ย้ายสโมสรไปแล้วมันยิงไม่ได้สักประตู ผมฟังเพลง เพิ่งซื้อแผ่นเสียง Taylor Swift มีคำคมว่า แก้วที่แตกจะมีความคมมากขึ้น ฉะนั้นใครที่กำลังจะมาทุบประชาธิปัตย์เหมือนกำลังทุบแก้วให้แตก ผมจะบอกว่าทุบเสร็จผมจะเอาความคมของแก้วที่แตกไปตัดวงจรอุบาทว์ การซื้อเสียงและการคอร์รัปชันในประเทศไทย”
หัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้ขอเชิญชวนคนทั้งประเทศที่เบื่อกับการเมืองที่ท่านเห็น มาร่วมกับเรา เราไม่ได้มีเป้าหมายเฉพาะหน้า เพราะเป้าหมายสุดท้ายของเรา ประชาธิปัตย์ไม่เพียงแต่อยู่คู่ประเทศไทย แต่ทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้า เพื่อคนไทยทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น