KEY
POINTS
นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานครและอดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ เขียนบทความเชิงวิชาการถาม-ตอบข้อกฎหมาย ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยื่นคำขอพระราชทานอภัยโทษ
โดยนายแก้วสรร ระบุชื่อบทความดังกล่าวว่า "คำขอพระราชทานอภัยโทษ ในโทษจำคุก 1 ปี ของทักษิณ"
ถาม: ทักษิณ กล้าดีอย่างไรครับ พอศาลสั่งคดีชั้น 14 ให้กลับไปติดคุก 1 ปี ก็ลงมือทูลขอให้พระราชทานอภัยโทษ จำคุก 1 ปีนี้ ทันทีเลย ทั้งๆ ที่ทรงพระเมตตาให้อภัยโทษไปแล้วตั้ง 7 ปี ผมสงสัยว่าในทางกฎหมายแล้ว มันตื้อขอกันอย่างนี้ได้อีกหรือครับ
ตอบ: เป็น “คำขอซ้ำ” ให้ทรงวินิจฉัยซ้ำอย่างชัดเจนครับ ต้องเข้าใจว่า คดีชั้น 14 ศาลไม่ได้ตัดสินลงโทษอะไรใหม่ในคดีใหม่อะไรเลยนะครับ แต่เป็นคดีเก่าที่ตัดสินไปแล้ว แล้วจำเลยหนีไป
17 ปีให้หลังเมื่อกลับมา เขาก็ต้องกลับมารับโทษที่เหลืออีก 8 ปีนั้น แต่ก็ทรงพระกรุณาอภัยโทษจนเหลือโทษ 1 ปี และเมื่อสิงหาคม 2566 ศาลก็ออกหมายคุมขังใน 1 ปีที่เหลือนี้แล้ว
แต่มาปรากฏในปี 2568 ว่าหมายขังนี้ไม่ได้รับการบังคับตามให้ถูกต้อง เพราะมีเจ้าหน้าที่สมคบกันช่วยเหลือให้นักโทษไปนอนโรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ ศาลจึงมีคำสั่งให้บังคับตามหมายเดิมเสียใหม่คือให้ราชทัณฑ์นำตัวไปขังเลยทันที กรณีจึงชัดเจนว่า โทษ 1 ปี ที่ทักษิณกลับมาโดนอยู่ดีนี้ จึงเป็นคดีเดิมโทษเดิมที่ศาลตัดสินไปสิบกว่าปีแล้ว
ถาม: แล้วโทษในคดีนี้ ก็ได้นำมาทูลขอพระราชทานอภัยโทษไปแล้วด้วย จะมาตื้อทูลขอให้ทรงทบทวนอีกได้อย่างไร
ตอบ: ครับ... เขาอาจเข้าใจผิด เข้าใจเอาเองว่าเป็นโทษใหม่ตามคำพิพากษาใหม่ ที่ตนสามารถทูลขอพระกรุณาได้ ไม่ใช่การร้องซ้ำในโทษเดิมคดีเดิ
ถาม: คำร้องซ้ำซากอย่างนี้ ในทางกฎหมายทำได้หรือครับ
ตอบ: ทำไม่ได้ครับ หลักห้ามฟ้องซ้ำ ร้องซ้ำ อย่างนี้เป็นหลักทั่วไปของกฎหมาย คำร้องใดที่ซ้ำซากอย่างนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมีหน้าที่ต้องปฏิเสธไม่นำส่งเข้าสู่ราชการในพระองค์ ถ้าหลุดเข้าไปได้ ก็ผ่านการกลั่นกรองของสำนักองคมนตรีไปไม่ได้ครับ คำร้องนี้ต้องโดนส่งกลับ เหมือนคราวรักษาการนายกฯ ทูลขอให้ทรงยุบสภาเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ถูกตีกลับเพราะมีปัญหากฎหมายครับ
ถาม: เห็นกระทรวงยุติธรรมเขาบอกว่า เรื่องขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะบุคคลนี้ ตนมีหน้าที่ต้องนำส่งอย่างเดียว ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด ปฏิเสธเมื่อใดจะเป็นการล่วงพระราชอำนาจไปโน่นเลย
ตอบ: คิดผิดครับ เรื่องความถูกต้องทั้งข้อมูลและความชอบด้วยกฎหมาย เป็นเรื่องที่รัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ ตรวจสอบรับรองจนชัดเจนเสียตั้งแต่ต้นเลยครับ เมื่อกลั่นกรองถูกต้องแล้ว กรณีก็จะเหลือแต่ดุลพินิจแท้ๆ ตามพระกรุณาเท่านั้น ซึ่งนักโทษก็ได้อภัยโทษไป 7 ปีแล้วก็เกมส์แล้วในทางกฎหมาย จะเอา 1 ปีมาร้องซ้ำอีกไม่ได้
ถาม: ทักษิณจะอ้างได้ไหมครับว่า นับแต่ได้ทรงพระกรุณาอภัยโทษให้ตนเอง มาตั้งแต่สิงหา 2566 นั้น เวลา 2 ปีที่ผ่านมานี้ตนได้ประกอบคุณงามความดีชิ้นใหม่ๆ มากมาย จนสามารถนำมาทูลขอให้ทรงพิจารณาอภัยโทษ จำคุก 1 ปีที่เหลือได้อีก
ตอบ: มันตรงกันข้ามกับความจริงเลยครับ 2 ปีที่ผ่านมานี้ คดีชั้น 14 ของเขาทำลายระบบกฎหมายไทยอย่างยับเยินที่สุด ผลประโยชน์ร่วมกับฮุนเซ็นของเขา ก็ทำลายความสัมพันธ์ไทย – กัมพูชา และความมั่นคงชายแดนอย่างสาหัส การค้าขายชายแดนเสียหายไปเป็นแสนล้าน ชีวิตผู้คนทั้งไทย-เขมร จากโลกไปหลายพันคน แล้วจะมาอ้างเป็นความดีความชอบได้อย่างไร
ถาม: ถ้าเช่นนั้น พฤติการณ์เมื่อปี 2566 ที่เขาทูลขอเป็นความเท็จ ว่าบัดนี้ตนติดคุกแล้วจึงขอพระราชทานอภัยโทษ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ติดคุกจริงเลย ความข้อนี้ศาลฎีกาท่านก็เห็นจึงสั่งให้ไปเริ่มติดคุกใหม่ทั้ง 1 ปีเลย
เมื่อคำขอนี้ผิดขั้นตอนอย่างชัดเจน แต่รัฐมนตรีก็นำขึ้นทูลเกล้าไปอย่างผิดๆ เช่นนี้ แล้วผมขอถามว่าถ้าอาจารย์เป็นรัฐมนตรียุติธรรมคนปัจจุบันจะทำอย่างไรครับ
ตอบ: ต้องยอมรับว่าเป็นความผิดของฝ่ายบริหารที่กราบทูลไปโดยไม่ถูกต้องตามขั้นตอน ในทางกฎหมายจึงทำให้พระบรมราชโองการผิดพลาด เปิดให้คนโกง โกงคุก 7 ปีไปหน้าด้านๆ
รัฐมนตรีจึงมีหน้าที่ ต้องนำความขึ้นกราบบังคมทูลให้ทรงพระกรุณาเพิกถอนพระบรมราชโองการอภัยโทษนี้โดยพลัน ครั้นเมื่อทรงโปรดเกล้าแล้ว รัฐมนตรีก็แจ้งต่อศาลให้ออกหมายคุมขังใหม่ เป็นโทษ 8 ปีตามเดิมครับ
ถาม: ลงเอยอย่างนี้ก็ดีนะครับ คนจะได้เห็นว่าใครจะล่วงพระราชอำนาจกันง่ายๆ ไม่ได้
ตอบ: นี่ถ้าซ้ำด้วยโทษในคดีใหม่ ที่มีการสมคบกันช่วยเหลือนักโทษให้ไม่ต้องติดคุก 1 ปี ทั้งกระทงแรกที่ส่งไปนอนโรงพยาบาลตำรวจ 6 เดือนโดยมิชอบ กับกระทงหลังที่พักโทษใส่เฝือกคอจอมปลอมไปนอนบ้านอีก 6 เดือน โดยอ้างว่าทรุดโทรมช่วยตัวเองไม่ได้
สองกระทงนี้ เมื่อ ป.ป.ช. กับอัยการส่งฟ้อง และศาลพิพากษาแล้ว ตัวนักโทษก็จะโดนจำคุกฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่กระทำผิดในหน้าที่ รวมโทษสองกระทงนี้ ก็น่าจะเพิ่มอีก 10 ปี รวมกับโทษเดิมเป็น 18 ปีครับ
โทษ 18 ปี เช่นนี้นี่เองที่เหมาะสมกับความอุกอาจร้ายแรงของความผิด ถ้าเป็นจริงได้เมื่อใดก็จะยังผลกู้คืนให้กฎหมายไทยกลับมาเป็นหลักของบ้านเมืองได้ต่อไป