KEY
POINTS
วันที่ 29 กันยายน 2568 ที่อาคารรัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาการแถลงนโยบายรัฐบาล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 162 โดยมี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด โดยเฉพาะเมื่อ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายโจมตีการทำงานของรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี
นพ.ชลน่าน ระบุว่า รัฐบาลของนายอนุทิน เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ ที่มาทำแค่บทเฉพาะกาล คือ ใช้เวลา 4 เดือนเพื่ออยู่ยาว 4ปี เป็นการทำงานเพื่อเข้ามาสืบทอดอำนาจ
ทั้งนี้นโยบายที่แถลงตนว่าจะทำไม่ได้ หรือแม้ทำได้แต่ไไม่สำเร็จ เพราะบุคคลที่เข้ามาดำรงตำแหน่งมีลักษณะต้องห้ามและคุณสมบัติไม่เหมาะสม รัฐมนตรีที่มาดำรงตำแหน่ง มีแผล มีกรรมเก่า แม้ว่าก่อนหน้านี้การจัด ครม. จะมีบุคคลภายนอกร่วมด้วยเป็นภาพที่สวยงาม แต่อีกส่วนจัดเพื่อมาสร้างคะแนนนิยมในพื้นที่อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งเป็นกลไกอันแยบยลเพื่อหวังผลในการการเลือกตั้ง ที่คาดว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะประกาศให้มีการเลือกตั้ง ช่วง 22 มี.ค. 69 หรือ 29 มี.ค.69 เพื่อให้ได้อำนาจต่ออีก 4 ปี
นโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา ตนเชื่อว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ หากไม่สำนึก ไม่เฝ้าระวัง คือ การยุบคดี เชื่อว่าจะเป็นปัญหาและส่งผลให้เกิด 4 หายนะ คือ หายนะประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาอย่างรุนแรง ที่มาจากกลไกให้ได้มาซึ่งสมชิกที่สงสัยว่า มาจากการฮั้วหือไม่ และอำนาจที่มาจากประชาชนจะมาโดยการจัดการ ซึ่งตนมองว่าในการเลือกตั้งครั้งถัดไป เงินจะเป็นปัจจัยสูงสุด
“ผมไม่ได้บอกว่าซื้อเสียง แต่การจัดการด้วยอำนาจเงิน คือ ปัจจัยหลักที่จะทำให้ได้รับมอบอำนาจจากประชาชน ซึ่งจะเป็นการกัดกร่อนของประชาธิปไตยในรัฐสภา โดยผู้นำฝ่ายค้านยอมแลกอำนาจเพื่อต้องการรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ยุบสภาเพื่อให้ประชาชนตัดสินอนาคตประเทศ เป็นการแลก หากได้ถือว่าคุ้มค่า
แต่มีสิ่งที่ผมมองได้คือ การแก้รัฐธรรมนูญเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ แย่ที่สุดคือ แก้มาตรา 256 ไม่ผ่านวาระหนึ่ง หรือ ไม่ผ่านวาระสาม หรือดีที่สุด ผ่านวาระสาม ได้รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข แต่รัฐธรรมนูญใหม่ถูกยกร่างด้วยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากสีน้ำเงิน และรัฐธรรมนูญที่ได้จะเป็นสีน้ำเงิน เพราะมีกลไกจัดการที่ทำได้ทั้งหมด”
นพ.ชลน่าน อภิปรายต่อว่า รัฐบาลที่มาจากเฉพาะกลุ่มเฉพาะที่ซึ่งถูกขนานนามว่า รัฐบาลอนุวิน รัฐบาลเนทิน รัฐบาลหนูเน ทำให้เห็นถึงกลไกอำนาจการจัดวางตำแหน่ง ที่ส่งไปเป็นหายนะของความโปร่งใสและความยุติธรรม เพราะคนที่มาดำรงตำแหน่งผูกขาดตัดตอนกลุ่มพวก ลามไปถึงหายนะของการบริหารจัดการประเทศ ผลประโยชน์ไม่ตกกับประชาชน ทำให้เป็นหายนะทางโอกาสของประชาชน
ทั้งนี้ตนมองว่า นโยบายอะไรที่ดีควรทำต่อ สำหรับหวยเกษียณ พบว่าถูกเปลี่ยนชื่อเป็นสลากเพื่อการรออม ซึ่งสิ่งที่กำหนดไว้ทำไปเพื่อคะแนนนิยม
“มีตัวเลข 1,000-2,000 การเลือกตั้งครั้งใด เหมายกเข่ง ซื้อยกหน่วย เป็นสิ่งที่รัฐธรรมนูญสีน้ำเงิน ระวัง แต่ผมมั่นใจไม่ผ่านประชามติ ส่วนที่เขียนในนโยบายว่าจะยกเลิก MOU รู้เลยว่าถ้าทำคะแนนจะมาถล่มถลาย แต่ 4 เดือนที่ทำ จะได้ 4 ปี และกินรวบประเทศไทย
พวกเราจะยอมให้มีคนกินรวบหรือไม่ อำนาจสภาฯ เป็นของสีน้ำเงิน อำนาจสว.เป็นสีน้ำเงิน อำนาจราชการ อำนาจองค์กรอิสระเป็นสีน้ำเงินหมดประเทศ จะเอาสีน้ำเงินที่เป็นสีประเสริฐ คลุกกับการเมืองเท่ากับการไม่เคารพสถาบัน ผมไม่ยอม ทั้งนี้การลงทุนของพรรคประชาชนจะเสียเปล่า” นพ.ชลน่าน อภิปราย