นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ที่สหรัฐฯ ในวันที่ 26 ก.ย.นั้น ตอนนี้กำลังตรวจสอบดูอยู่ว่าทางประธานรัฐสภาฯ จะกรุณาให้แถลงนโยบายวันไหน โดยตนได้ขอไปวันที่ 29-30 ก.ย.นี้ แต่เวที UN ที่ให้ขึ้นแสดงวิสัยทัศน์ เกิดขึ้นในวันที่ 26 ก.ย.นี้ โดยวันที่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ คือวันพุธที่ 24 ก.ย.นี้
หลังจากที่เข้าเฝ้าแล้วจะเรียกประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทันที โดยจะหารือเรื่องนี้กับหลายหน่วยงาน ทั้งกฤษฎีกา และกระทรวงการต่างประเทศว่าสถานะของรัฐบาล ในการไปประชุมสมัชชาใหญ่ UN จะสามารถไปได้หรือไม่ หากไปได้ก็จะสามารถไปพบปะหารือ หรือร่วมทวิภาคี โดยมีความชัดเจนตรงนั้น
“การไปเวที UN มีความจำเป็น เพราะอยู่ดีๆ ประเทศไทยก็หายไปจากวง UN ทั้งที่เรื่องที่คนไปร้องเรียนว่าประเทศไทยละเมิดกฎนานาชาติ ซึ่งจริงๆ แล้วเราถูกละเมิดมากกว่า จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ไปพบกับประชาคมโลก และผู้นำประเทศที่จะชี้แจงให้ทราบว่าไทยไม่ได้เป็นตามที่ถูกกล่าวหามา ซึ่งถือว่ามีความจำเป็น“
นอกจากนี้ รัฐบาลได้เตรียมให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เตรียมตัวไว้ ส่วนของตนไปได้อยู่แล้ว และได้ให้เตรียมแผนการเดินทางแล้ว หากไปเช้า-เย็นกลับจะใช้เวลาเดินทางมากกว่าเวลาไปประชุม เพราะวันที่จะหารือได้มากที่สุด น่าจะเป็นวันที่ 25-26 ก.ย. และจะกลับมาทันแถลงนโยบายถ้าหากเป็นวันที่ 29 ก.ย. - 1 ต.ค.นี้
ทั้งนี้ ในการไปพูดคุยในเวที UN ประเด็นหลักๆ ก็มีหลายเรื่องทั้งเรื่องการค้า และภาษีนำเข้าส่งออกเรื่องอธิปไตยของไทยต่างๆ มากมาย หากไปเยือน UN แบบไม่แสดงวิสัยทัศน์ได้หรือไม่ จะต้องหารือกับหลายหน่วยงานก่อน เพราะมันมีขั้นตอน