18 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พรรคภูมิใจไทย นำโดยนายสมบูรณ์ คำแหง แกนนำเครือข่ายประชาชนภาคใต้และภาคตะวันออก พร้อมด้วยประชาชนกว่า 50 คนเดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โดยมีนายอารี ไกรนรา เป็นตัวแทนรับหนังสือ โดยกลุ่มเครือข่ายฯเรียกร้องให้นายอนุทิน นายกฯ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทบทวนนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจ SEC หรือ ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ และโครงการแลนด์บริดจ์ ระนอง-ชุมพร เนื่องจากเห็นว่า เป็นรัฐบาลที่มีระยะเวลาจำกัดในการทำงาน ทั้งยังเป็นโครงการเมกกะโปรเจกที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
จึงขอเรียกร้องให้พรรคภูมิใจไทยในฐานะผู้นำจัดตั้งรัฐบาลได้ใช้เวลาในการบริการบ้านเมืองที่มีอยู่นี้ให้เป็นไปตามเจตจำนงที่ได้ทำบันทึกข้อตกลงกับพรรคประชาชนที่ว่าจะเข้าเพื่อสร้างทางออกให้กับสังคมการเมืองที่ดีขึ้น ด้วยการเลือกทำในเรื่องเร่งด่วนอย่างเช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแก้ไขปากท้องประชาชน
รวมถึงปัญหาความมั่นคงของประเทศ ที่กำลังเป็นอยู่ในเวลานี้และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนในสังคมโดยรวมต่อระบบการเมืองของประเทศ มากกว่าที่จะประกาศเดินหน้าโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ภายใต้แนวทางการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ท่ามกลางความคิดเห็นที่แตกต่างของคนในสังคมซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่ควรให้เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ จึงอยากให้พิจารณาอย่างรอบคอบ
อย่างไรก็ดี กลุ่มเครือข่ายประชาชนภาคใต้ฯ ระบุว่า หากนายอนุทินและพรรคภูมิใจไทย เห็นว่า โครงการนี้มีประโยชน์ให้ใช้เป็นนโยบายในการเลือกตั้งหาเสียงครั้งหน้าเพื่อให้คนปราจีนและประชาชนได้ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ ทั้งนี้ ทางกลุ่มเครือข่ายฯพร้อมติดตามความเคลื่อนไหวเรื่องดังกล่าวต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้
ด้านนายอารี ตัวแทนพรรคภูมิใจไทย กล่าวระหว่างรับยื่นหนังสือดังกล่าวโดยยืนยันกับกลุ่มเครือข่ายฯ ว่า ตนยินดีจะนำเรื่องนี้เสนอให้กับนายกรัฐมนตรี พร้อมระบุย้ำว่า พรรคภูมิใจเป็นพรรคที่ยอมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
ทั้งนี้ สำหรับรายละเอียดในหนังสือดังกล่าว มีเนื้อหาสาระสำคัญโดยทางกลุ่มเครือข่ายได้แสดงความยินดีกับพรรคภูมิใจไทยที่ได้เป็นแกนนําจัดตั้งรัฐบาลโดยหัวหน้าพรรค คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรี ถือเป็นการเข้ามาบริหารประเทศในสถานการณ์พลิกผันทางการเมืองอันเกิดขึ้นจากความล้มเหลวในการบริหารของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา
ทั้งเรื่องสังคมการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจโดยภาพรวมของประเทศที่สั่งสมมาหลายปี ดังนั้น การเข้ามาเป็นรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทยในครั้งนี้ จึงถูกคาดหวังว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ดีขึ้นได้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะได้สะท้อนได้จากโฉมหน้าของคณะรัฐมนตรี ทั้งหมด รวมถึงแนวนโยบายที่รัฐบาลจะแถลงต่อรัฐสภา
เครือข่ายภาคประชาชนจากภาคใต้และภาคตะวันออก ซึ่งเป็นประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เป้าหมายการพัฒนาบนแนวคิด "เขตเศรษฐกิจพิเศษ" ที่ถูกกํากับด้วยกฎหมายฉบับพิเศษในพื้นที่ภาคตะวันออก หรือ EEC และพื้นที่ภาคใต้ที่กําลังจะถูกประกาศเป็นระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือ SEC เพื่อรองรับโครงการแลนด์บริดจ์ ระนอง - ชุมพร ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าแนวคิดการพัฒนาดังกล่าวกําลังสร้างปัญหาให้กับพวกเราในหลายมิติ
อย่างเช่น การสูญเสียฐานทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ที่ดินทํากินและที่อยู่อาศัย รวมถึงปัญหามลพิษจากขยะพิษที่เกิดขึ้นจากความล้มเหลวในการจัดการของเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ จึงมีความเห็นว่า รัฐบาลต้องมีความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ด้วยการกลับไปทบทวนแนวทางการพัฒนาดังกล่าว ที่กําลังถูกตั้งคําถามว่า เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนต่างชาติมากกว่าคนในชาติของตนเองหรือไม่
จึงหวังอย่างยิ่งว่า รัฐบาลที่กําลังจะมีการจัดตั้งโดยการนําของพรรคภูมิใจไทย จะมีวิธีการบริหารบ้านเมืองที่แตกต่างและดีกว่ารัฐบาลก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีการประกาศใช้ไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 เป็นต้นมา ที่จะต้องจัดให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายในรอบ 5 ปี ที่มีการประกาศใช้ อันเป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ทั้งนี้ เพื่อจะได้กลับไปทบทวนข้อบกพร่องและความล้มเหลวของการบริหารงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ตามที่ได้ยกตัวอย่างไว้แล้วเบื้องต้น ก่อนที่จะมีการนําแนวนโยบายเช่นนี้ไปใช้ในภูมิภาคอื่น ๆ ต่อไป
ทางกลุ่มฯจึงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งหากรัฐบาลของนายอนุทิน จะบรรจุนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ และโครงการแลนด์บริดจ์ ระนอง - ชุมพร แถลงต่อรัฐสภาที่กําลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จึงขอเรียกร้องให้พรรคภูมิใจไทยในฐานะผู้นําจัดตั้งรัฐบาลได้ใช้เวลาในการบริหารบ้านเมืองที่มีอยู่นี้ ให้เป็นไปตามเจตจํานงที่ได้ทําบันทึกข้อตกลงกับพรรคประชาชนที่ว่าจะเข้ามาเพื่อสร้างทางออกให้กับสังคมการเมืองที่ดีขึ้น ด้วยการเลือกทําในเรื่องสําคัญเร่งด่วน อย่างเช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแก้ไขปากท้องประชาชน รวมถึงปัญหาความมั่นคงของประเทศที่กําลังเป็นอยู่ในเวลานี้
ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนในสังคมโดยรวมต่อระบบการเมืองของประเทศ มากกว่าที่จะประกาศเดินหน้าโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ภายใต้แนว ทางการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ท่ามกลางความคิดเห็นที่แตกต่างของคนในสังคม ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ควรให้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเช่นนี้จึงเรียนมาเพื่อพิจารณาอย่างรอบคอบ