KEY
POINTS
วันที่ 13 กันยายน 2568 เวลา 16.15 น. ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ประชุมร่วมกับว่าที่รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และ ความมั่นคง อาทิ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย, นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ว่าที่ รมว.การต่างประเทศ, นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ว่าที่ รมว.พลังงาน, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ว่าที่ รมว.กลาโหม, นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่ รมว.พาณิชย์ และนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่ รมว.คลัง เพื่อจัดทำร่างคำแถลงนโยบายของรัฐบาล ก่อนเสนอให้รัฐสภาพิจารณา
นายอนุทินโพสต์ ข้อความระบุว่า “ประชุมหารือเพื่อเตรียมการจัดทำนโยบายรัฐบาล เพื่อที่จะแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา จะได้นับวันแรกของสี่เดือนได้โดยเร็วตามสัญญา MoA #ไม่มีวันหยุด”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นโยบายเร่งด่วนที่ชัดเจนแล้วคือ ฟื้นโครงการคนละครึ่ง แต่ปรับรูปแบบเป็นรัฐช่วยจ่าย 60% ประชาชนจ่าย 40% โดยจะเน้นกลุ่มผู้เสียภาษีเพื่อกระตุ้นให้คนเข้าสู่ระบบภาษีเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น และ การแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติ
นายอนุทิน กล่าวภายหลังการประชุมว่า รัฐบาลต้องเร่งรัดจัดทำคำแถลงนโยบายให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลง MOA ที่ระบุว่า หลังแถลงนโยบายครบ 4 เดือนจะยุบสภา การดำเนินการจึงต้องทำแบบเร่งสปีด “ไม่ใช่เข้ามาแล้วไม่ทำนโยบาย แต่เตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้า”
เมื่อถามถึงนโยบายเร่งด่วน 4 เดือน นายกฯ ระบุว่า จะเน้น 3 ประเด็นหลัก คือ แก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ชายแดนไทย–กัมพูชา, การทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ และการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน
พร้อมย้ำว่า การหยิบโครงการจากรัฐบาลก่อน เช่น คนละครึ่ง กลับมาปัดฝุ่นใช้อีกครั้ง “ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน”
ในประเด็น MOA นายอนุทิน อธิบายว่า เป็นการขยายมาจาก MOU (Memorandum of Understanding) แต่ MOA คือ Agreement ที่ไม่ต้องจดบันทึกซับซ้อน
“เราทำตามให้มากที่สุด ง่ายดี ไม่ต้องเถียงกับใคร รับสภาพเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย”
นายกฯ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า การจัดทำนโยบายครั้งนี้ ต้องให้พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคมีส่วนร่วม ไม่ใช่นโยบายจากพรรคแกนนำฝ่ายเดียวเหมือนที่ผ่านมา เพราะนั่นคือสาเหตุที่รัฐบาลก่อนหน้ามีปัญหาไร้เอกภาพ “คราวนี้เรามีเวลาน้อย และมีเจตนารมณ์ร่วมกัน ต้องเดินไปด้วยกัน”
สำหรับนโยบายเร่งด่วน 4 เดือน อาทิ
1.ความมั่นคง – การต่างประเทศ : แก้ปัญหาความตึงเครียดชายแดนไทย–กัมพูชา
2.จัดการข้อพิพาทพื้นที่ : ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนสุดเพราะมีผลต่อความมั่นคง
3.การเมือง-รธน. : ทำประชามติเพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
4.เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วม : ยังไม่สรุปรูปแบบ ต้องเร่งทำกรอบการดำเนินงาน
5.เศรษฐกิจ-ปากท้อง : ฟื้นโครงการคนละครึ่ง (รูปแบบใหม่ รัฐจ่าย 60% ประชาชนจ่าย 40% สำหรับผู้เสียภาษี คนทั่วไป 50 ต่อ 50% )
6.ท้องถิ่น–ภัยพิบัติ
7. ท่องเที่ยว (อยู่ระหว่างพิจารณา)