KEY
POINTS
วันที่ 9 กันยายน 2568 ที่ศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ บิ๊กโจ๊กพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางเข้ายื่นคำร้องต่อ นายประสิทธิ์ มีลาภ ประธานศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่และจริยธรรมของ นายอนุวัติ ธาราแสวง ประธานแผนกคดีละเมิดและความรับผิดอย่างอื่น ศาลปกครองสูงสุด
คำร้องดังกล่าวระบุว่า นายอนุวัติ เป็นหนึ่งในองค์คณะที่พิจารณาคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฟ้องผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ และนายกรัฐมนตรี ขอให้เพิกถอนคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า มีพยานหลักฐานยืนยันว่า นายอนุวัติ ได้เข้าเรียนหลักสูตร “นิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย (นปธ.) รุ่นที่ 12” ของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ตนถูกคำสั่งให้ออกจากราชการชั่วคราว
การที่ตุลาการผู้พิจารณาคดีมีความสนิทสนมใกล้ชิดกับคู่ความ อาจก่อให้เกิดข้อกังขาเรื่องความเป็นกลาง และความสุจริตในการพิจารณาสำนวน อีกทั้งยังขัดต่อ จริยธรรมตุลาการศาลปกครอง ซึ่งกำหนดชัดว่า “ตุลาการพึงถอนตัวจากการพิจารณาคดี หากมีเหตุที่อาจทำให้ถูกคัดค้าน หรือมีเหตุให้เสียความยุติธรรม”
พล.ต.สุรเชษฐ์ ย้ำว่า “ความเป็นเพื่อนและความใกล้ชิด ทำให้ผมเชื่อว่าการพิจารณาคดีจะไม่เป็นกลาง และอาจเกิดความเสียหายแก่ผมในฐานะผู้ร้อง แต่ท่านกลับไม่ยอมถอนตัว ทั้งที่ควรปฏิบัติตามจริยธรรมตุลาการ”
ทั้งนี้ อดีตรอง ผบ.ตร. ยังร้องขอให้ประธานศาลปกครองสูงสุดดำเนินการทางวินัยต่อนายอนุวัติ ในข้อหากระทำผิดวินัยและฝ่าฝืนจริยธรรมตุลาการศาลปกครอง เนื่องจากการมีส่วนร่วมร่างคำพิพากษาที่อาจให้คุณให้โทษคู่ความ เป็นพฤติการณ์ที่กระทบต่อความยุติธรรมโดยตรง