นับถอยหลัง ชี้ชะตา“ทักษิณ ชินวัตร” คดีชั้น 14 “คุก-ไม่คุก”

วันที่ 9 กันยายน 2568 เวลา 10.00 น. ถูกจับตาว่าเป็น “ดีเดย์” สำคัญของการเมือง และ กระบวนการยุติธรรมไทย เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาใน คดีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งว่าด้วยประเด็นการบังคับโทษถึงที่สุด และการเข้าถึงสิทธิทางการรักษาพยาบาลระหว่างถูกคุมขัง

“ทักษิณ”ชะแว๊บต่างประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 7 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา นายทักษิณ ได้เดินทางออกจากนครดูไบ โดยเครื่องบินไพรเวตเจ็ต Bombardier Global 7500 ทะเบียน T7-GTS ออกบินจากสนามบินดูไบเวิลด์เซ็นทรัล เวลา 22.16 น. (ตามเวลาไทย) ใช้เวลากว่า 8 ชั่วโมง 39 นาที ก่อนลงจอดที่สนามบินเซเลตาร์ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อเช้าวันที่ 8 กันยายน เวลา 06.55 น. 

ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน มีรายงานว่า นายทักษิณ ได้ยื่นขอลงจอดที่ Mjets ดอนเมือง เวลา 14.30 น. ขณะที่เครื่องบินได้ลงจอดที่ดอนเมืองจริง เมื่อ 14.54 น.  

โดยทันทีที่เครื่องแตะพื้น เจ้าตัวก็ถูกนำตัวขึ้นรถยนต์ส่วนตัวออกจากสนามบินทันที

การเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก เมื่อวันที่ 4 กันยายน นายทักษิณ เคยพยายามเดินทางจากดอนเมืองไปสิงคโปร์ แต่ไม่สามารถแลนด์ดิ้งได้ และต้องเปลี่ยนเส้นทางไปดูไบแทน

                                          

 

คดีชั้น 14  พยาน 14 ปาก “วิษณุ” ปิดท้าย 

คดีหมายเลขดำ บค.1/2568 ของ ทักษิณ ชินวัตร เริ่มไต่สวนตั้งแต่ต้นปี โดยศาลฎีกาฯ เรียกพยานฝ่ายต่าง ๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ แพทย์ราชทัณฑ์ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ และตัวแทนจากแพทยสภา รวมทั้งสิ้น 14 ปาก 

ในการไต่สวนครั้งสุดท้าย เมื่อ 30 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ขึ้นเบิกความในฐานะพยานจำเลย ยืนยันถึงกระบวนการรับตัว นายทักษิณ จากสนามบินและการคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ รวมถึงเหตุผลการย้ายตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยระบุว่า เป็นไปตามมาตรการรักษาความปลอดภัย ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ 

นายวิษณุ ยังยืนยันว่า ขณะเยี่ยมอดีตนายกฯ ที่เรือนจำ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ไม่ได้มีการหารือเรื่องพักโทษ หรือ ย้ายเรือนจำ มีเพียงการสอบถามเกี่ยวกับการขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งต่อมา นายทักษิณ ได้รับพระราชทานจริง

3 หมอถูกลงโทษจากคดีชั้น 14 

อีกหนึ่งมิติที่สังคมให้ความสนใจคือ มติของ “แพทยสภา” ที่ลงโทษแพทย์ 3 ราย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรักษา นายทักษิณ ที่โรงพยาบาลตำรวจ หลังถูกย้ายจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ : ว่ากล่าวตักเตือน กรณีออกใบส่งตัวไม่ถูกต้อง

พล.ต.ท.นพ.โสภณรัชต์ สิงหจารุ : พักใช้ใบอนุญาตฯ เหตุให้ข้อมูลอาการผู้ต้องขังไม่ตรงกับความจริง

พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ : พักใช้ใบอนุญาตฯ กรณีเขียนใบความเห็นแพทย์ไม่ตรงข้อเท็จจริง  

มติดังกล่าวแม้จะถูก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา ส่งความเห็นแย้ง แต่ที่ประชุมแพทยสภายืนยันมติเดิมในเดือนมิถุนายน 2568

9 ก.ย.ศาลฎีกาชี้ชะตา“ทักษิณ”

ศาลฎีกาฯ กำหนดเวลา 10.00 น. วันที่ 9 กันยายน 2568 สำหรับการอ่านคำพิพากษา พร้อมสั่งให้ นายทักษิณ และ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เข้าฟังด้วยตนเอง 

คำพิพากษาในคดีนี้ถูกมองว่า ไม่ใช่เพียงการตัดสินชะตาของ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้นำทางจิตวิญญาณ ของพรรคเพื่อไทย  แต่ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมไทย และ แรงสั่นสะเทือนทางการเมือง ที่อาจเกิดขึ้นตามมา ไม่ว่าจะเป็นผลในทางคดี ที่ต้องกลับไป “จำคุก” หรือ “ไม่จำคุก”

กรณี คดีชั้น 14 ของ ทักษิณ ชินวัตร จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ส่งแรงสะเทือนต่อทั้งในทางการเมือง และ สังคมไทย หรือไม่ พรุ่งนี้มารอลุ้นกัน...