สส.เพื่อไทย ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ถอดถอน ‘อนุทิน-ณัฐพงษ์’ ปมดีล MOA

07 ก.ย. 2568 | 01:27 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ก.ย. 2568 | 01:43 น.

สส.พรรคเพื่อไทย เข้าชื่อขอให้ประธานสภาฯ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพ สส. ‘อนุทิน-ณัฐพงษ์’ หลังทำ MOA สนับสนุนตั้งรัฐบาล เพราะละเมิดรัฐธรรมนูญแลกผลประโยชน์

KEY

POINTS

  • สส. พรรคเพื่อไทยได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้วินิจฉัยถอดถอนนายอนุทิน ชาญวีรกูล และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ออกจากสมาชิกภาพ สส.
  • สาเหตุหลักมาจากบันทึกข้อตกลง (MOA) ระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน ที่ทำขึ้นเพื่อสนับสนุนให้นายอนุทินดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยพรรคประชาชนตั้งเงื่อนไขแต่ไม่เข้าร่วมรัฐบาล
  • ผู้ร้องอ้างว่าข้อตกลงดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายพรรคการเมือง เนื่องจากมีลักษณะเป็นการครอบงำ ชี้นำ และแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ซึ่งละเมิดความเป็นอิสระของ สส.

วันนี้ (7 กันยายน) ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) พรรคเพื่อไทย ได้ร่วมกันเข้าชื่อยื่นต่อประธานสภาฯ เพื่อส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ให้พิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพการเป็น สส. ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน สิ้นสุดลงเฉพาะตัว โดยอ้างอิงรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (2) ประกอบมาตรา 185 (1) และ (2)

คำร้องดังกล่าวสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้รับเรื่องเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 เวลา 11.38 น. เลขรับที่ 14239/2568 โดยมีสาระสำคัญว่า

พรรคภูมิใจไทยไม่สามารถรวบรวมเสียงเกินครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร จึงทำบันทึกข้อตกลง (MOA) ร่วมกับพรรคประชาชน เพื่อสนับสนุนให้นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี โดยพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาล แต่ได้วางเงื่อนไขให้พรรคร่วมรัฐบาลต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของพรรคประชาชน

เหตุผลการยื่นคำร้อง

ผู้ยื่นคำร้องระบุว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายพรรคการเมืองหลายประการ ได้แก่

  1. ขัดหลักการประชาธิปไตย – ข้อตกลงบังคับให้ ส.ส. และรัฐบาลใหม่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของพรรคประชาชน ถือเป็นการผูกมัดและครอบงำซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 ที่กำหนดให้ ส.ส. ต้องทำหน้าที่โดยอิสระ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของพรรคใดพรรคหนึ่ง
  2. ละเมิดหลักการบริหารประเทศ – ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 164 คณะรัฐมนตรีต้องบริหารราชการเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน แต่ข้อตกลงกำหนดให้นายกรัฐมนตรีต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน ทั้งที่สภามีวาระถึงปี 2570 และห้ามแสวงหาความเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ซึ่งถูกมองว่าขัดต่อหลักการสร้างเสถียรภาพของการบริหาร
  3. เข้าข่ายแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ – คำร้องชี้ว่า MOA ดังกล่าวมีลักษณะเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เพื่อให้หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยได้เป็นนายกรัฐมนตรี อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 28, 29 และ 46 ที่ห้ามการครอบงำหรือชี้นำกิจกรรมของพรรคอื่น

ผลทางกฎหมายที่อ้างอิง

ผู้ร้องให้เหตุผลว่า ข้อตกลงดังกล่าวเข้าข่ายการใช้อำนาจทางการเมืองโดยมิได้เป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย และเป็นการครอบงำพรรคการเมือง ซึ่งอาจส่งผลให้สมาชิกภาพการเป็น ส.ส. ของนายอนุทินและนายณัฐพงษ์สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (7) และมาตรา 185 (1) และ (2)

ท้ายคำร้อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้เข้าชื่อจึงขอให้ประธานสภาฯ ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยให้สมาชิกภาพ ส.ส. ของทั้งสองสิ้นสุดลงต่อไป