วันนี้ (4ก.ย.68) เวลา 16.30 น. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ออกมาแถลงยืนยันจุดยืนของพรรค หลังมีข่าวคราวว่าพรรคเพื่อไทยเสนอให้โหวตสนับสนุนนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อแลกกับการยุบสภาทันที
นายณัฐพงษ์ ตอบชัดเจนว่า "ต้องบอกว่าไม่ได้มีกระแสความแตกต่างอะไรในภายในของพรรค และจริงๆ แล้ว ต่อเนื่องจากเมื่อเช้าที่ผมได้มีการแถลงไปแล้ว ผ่านมาทั้งวันก็ได้มีความชัดเจนแล้วว่าทางพรรคเพื่อไทยเองเดินหน้าสู่การที่จะเสนอชื่อคุณชัยเกษม เป็นแคนดิเดตนายก"
ในประเด็นความไม่ชัดเจนเมื่อเช้า ที่มีการเรียกหาจากทางนายภูมิธรรม เวชยชัย ว่า "ตกลงกระบวนการในการยุบสภา ตกลงว่ายังเดินหน้าอยู่หรือว่ายุติอย่างไร ก็เป็นที่แน่ชัดตอนนี้แล้วว่า ทางคุณภูมิธรรมและพรรคเพื่อไทยเองไม่ได้เดินหน้าในเรื่องของกระบวนการการยุบสภา และต้องเดินหน้าไปสู่ในเรื่องของการโหวตนายกรัฐมนตรีคนต่อไป"
เมื่อถูกถามเรื่องการเปิด "ฟรีโหวต" นายณัฐพงษ์ ตอบเด็ดขาด "ไม่มี ตลอดทั้งวันที่ผมตัวผมเองได้มีการประชุมร่วมกับเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรภายในพรรค ไม่ได้มีการพูดถึงในเรื่องของการเปิดให้มีการฟรีโหวตแต่อย่างใด"
เมื่อสื่อมวลชนซักถามว่า บางคนรู้สึกอึดอัดใจกับการโหวตในวันพรุ่งนี้ นายณัฐพงษ์ ตอบว่า "ในส่วนของความอึดอัดใจ ผมเชื่อว่าทุกคนก็จะมีข้อคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย ซึ่งเราผ่านกระบวนการแล้ว และเชื่อมั่นว่าทุกคนพร้อมที่จะปฏิบัติตามมติพรรค และไม่ได้กังวลว่าจะมีกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาชน ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมติพรรคแต่อย่างใด"
นายณัฐพงษ์ อธิบายว่า "ระหว่างวันมีกระแสข่าวปล่อยกันออกมาโดยตลอด และมีการต่อสายมาถึงผม จากเจ้าหน้าที่ของทางท่านประธานรัฐสภาโดยตรง บอกว่าผมเองมีการประสานไปว่าจะขอเลื่อนการโหวตออกไป ผมก็ยืนยันต่อท่านประธาน ตอนนั้นเลยว่า ตัวผมเองในฐานะผู้นำฝ่ายค้านไม่เคยประสานขอเลื่อนการโหวตแต่อย่างใด"
นายณัฐพงษ์ เน้นย้ำหลักการสำคัญว่า "อยากยืนยันว่าเราทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้น การโหวตที่เรามีมติจะโหวตให้กับคุณอนุทินครั้งนี้ เราโหวตเพื่อเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจที่มีหน้าที่ในการยุบสภา และเปิดประตูสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะฉะนั้น คณะรัฐมนตรีที่จะเกิดขึ้น จากการตัดสินใจโดยภายใต้คุณอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐบาลที่ทางพรรคประชาชนไม่ต้องไปแบกรับแต่อย่างใด เพราะเรายังคงทำหน้าที่ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน"
เมื่อถูกถามเรื่องข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย นายณัฐพงษ์ ตอบว่า "ถ้ามีการเสนอมาก่อนหน้านี้ และมีการยื่นข้อเสนอพูดคุยอย่างเป็นทางการมาก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะผ่านกระบวนการการรับฟังความคิดเห็นของพรรคมาทั้งหมด จนก่อนที่พรรคจะมีมติออกมาอย่างเป็นทางการ ผมเชื่อว่าตัวผมเองและเพื่อนภายในพรรคจะรับไว้พิจารณาในการใช้เป็นปัจจัยหนึ่งในการชั่งน้ำหนัก"
"แต่เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่า กระบวนการที่ผ่านมา ตลอดจนถึงวันนี้ ยังมีการให้ข่าวกลับไปกลับมาจากทางพรรคเพื่อไทยเอง และพวกเราเองก็พอที่จะประเมินได้ว่า จริงๆ แล้วไม่ได้มีความจริงจังหรือว่าจริงใจ ที่จะบรรลุข้อตกลงกับพวกเราตั้งแต่ต้น เพียงแต่ว่าเป็นการพยายามปล่อยข่าวเพื่อช่วงชิงจังหวะความได้เปรียบทางการเมืองมากกว่า"
นายณัฐพงษ์ อธิบายพื้นฐานการตัดสินใจว่า "วันนี้สิ่งที่ผมและพรรคประชาชนจำเป็นที่จะต้องทำ คือความหนักแน่นต่อการตัดสินใจของเรา ซึ่งเราไม่ได้เพิ่งจะมาคิดหรือว่าตัดสินใจในช่วงระยะเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่เรามองเห็นสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ตั้งแต่ 2 เดือนที่แล้ว และตั้งแต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาจนถึงวันนี้เอง เราก็ได้มีการประเมินสถานการณ์ทางการเมือง ชั่งน้ำหนักทุกด้าน และไตร่ตรองมาอย่างรอบคอบ ก่อนที่จะออกเป็นมติของผู้บริหารพรรค"
นายณัฐพงษ์ เน้นย้ำอำนาจในการตรวจสอบว่า "อีก 4 เดือน หลังจากมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา พรรคประชาชนจะสามารถใช้เสียงที่พวกเรามีในสภาร้อยละ 40 เสียงในการกำกับทิศทางรัฐบาล เพื่อเดินไปสู่สิ่งที่เราได้เสนอไว้มากน้อยขนาดไหน โดยส่วนตัวผมเอง ผมมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าเราสามารถกำกับทิศทางได้"
เมื่อถูกถามเรื่องคดีต่างๆ ของนักการเมือง นายณัฐพงษ์ ยืนยันอย่างชัดเจน "ผมขอยืนยันผ่านการเสนอข่าว ถ้าหากว่ามีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นการแทรกแซงเพื่อที่จะพยายามสะสางคดีให้กับกลุ่มของตนเองและพวกพ้อง พรรคประชาชนไม่มีทาง ที่จะยอมรับการกระทำแบบนั้นได้ และเราก็พร้อมที่จะยื่นญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที"
นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงการติดตามการทำงานว่า "ก่อนที่จะครบ 4 เดือน จริงๆ ต้องบอกว่าเราประเมินทุกวัน ถ้าเราเริ่มเห็นแล้วว่าคุณอนุทิน ไม่ได้มีความพยายาม ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสัญญาที่ได้ตกลงกัน พวกเราก็พร้อมที่จะใช้เสียงในสภาในการยื่นญัตติไม่ไว้วางใจทันที"
"ถ้าคุณอนุทินในฐานะนายกรัฐมนตรีที่จะมีความเป็นไปได้มากที่สุดคนต่อไป ได้ใช้อำนาจไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ เหล่านั้น ก็เป็นหน้าที่ของพรรคประชาชนที่จะต้องล้มรัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรม"
นายณัฐพงษ์ ปิดท้ายด้วยความมั่นใจ "ไม่เสียดายใดๆ และไม่คิดที่จะกลับไปทบทวนมติที่เกิดขึ้น แน่นอนก็เดินหน้าเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ ต่อจากนี้ ผมคิดว่าเป็นในเรื่องของทางประธานรัฐสภาด้วย ที่ได้มีการบรรจุวาระไปแล้วว่าจะเดินหน้าต่อเพื่อนำไปสู่การโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่อย่างไร"