ย้อนตำนาน 'ยุบสภา' 14 ครั้ง ประวัติศาสตร์การเมืองไทยคืนอำนาจประชาชน

03 ก.ย. 2568 | 07:20 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ก.ย. 2568 | 04:26 น.

ย้อนรอยเหตุการณ์ การยุบสภา 14 ครั้ งในประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศไทย จากปมขัดแย้งสู่การเมืองทางตัน วิเคราะห์เหตุผลและไทม์ไลน์ก่อนถึงยุคสมัยนี้

ท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองที่เต็มไปด้วยความสับสน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ได้ออกมากล่าวถึงสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในระบอบประชาธิปไตยของไทยว่า "เกิดการบิดเบี้ยว ไม่เป็นไปตามทำนองที่ควรจะเป็น"

การตัดสินใจของพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนที่ตกลงจัดตั้งรัฐบาลแต่กลับไม่รวมกันอย่างชัดเจน ทำให้เกิดสภาวะที่การเมืองแบ่งออกเป็นสามกลุ่มอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยมีพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ขณะที่พรรคเพื่อไทยทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน และพรรคประชาชนก็มีบทบาทที่ซับซ้อนทั้งในฐานะฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลไปพร้อมกัน

ภูมิธรรมชี้ว่า สถานการณ์เช่นนี้ไม่เพียงแต่สร้างความสับสนอลหม่านให้กับการเมือง แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของประเทศ หากไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้ ปัญหาเศรษฐกิจที่มีอยู่แล้วก็จะยิ่งถูกซ้ำเติม ด้วยเหตุนี้จึงมีการหารือกับฝ่ายกฎหมายและเห็นพ้องต้องกันว่า การคืนอำนาจให้ประชาชนด้วยการยุบสภา

ย้อนรอยประวัติศาสตร์ ยุบสภามาแล้ว 14 ครั้ง

ฐานเศรษฐกิจ พาไปย้อนประวัติศาสตร์การเมืองไทย อ้างอิงข้อมูลจาก "คลังสารสนเทศรัฐสภา" พบว่าการยุบสภาไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับประวัติศาสตร์การเมืองไทย ในช่วงกว่า 90 ปีที่ผ่านมา

มีการยุบสภาเกิดขึ้นแล้วถึง 14 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งล้วนเป็นตัวชี้วัดความไม่มั่นคงทางการเมืองและสะท้อนถึงวิกฤตการณ์สำคัญที่ประเทศต้องเผชิญ การยุบสภาแต่ละครั้งมีสาเหตุที่แตกต่างกันไป โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทหลักๆ

แพ้มติ/ขาดเสถียรภาพ (7 ครั้ง)

  • สาเหตุนี้เกิดขึ้นบ่อยที่สุดเมื่อรัฐบาลไม่สามารถควบคุมเสียงในสภาได้ หรือมีความขัดแย้งอย่างรุนแรงภายในพรรคร่วมรัฐบาล จนไม่สามารถบริหารประเทศต่อไปได้ เช่น การยุบสภาในปี 2481, 2519, 2529, 2531, 2538, 2539 และ 2554

ความขัดแย้งด้านนโยบายหรือกฎหมาย (3 ครั้ง)

  • เกิดขึ้นเมื่อรัฐบาลพยายามผลักดันกฎหมายสำคัญ เช่น การนิรโทษกรรม หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่กลับไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมอย่างกว้างขวาง ทำให้เกิดแรงต้านและวิกฤตทางการเมือง เช่น ในปี 2488, 2526 และ 2556

วิกฤตการเมือง/เศรษฐกิจและการชุมนุม (3 ครั้ง)

  • การยุบสภาในสถานการณ์นี้มักเป็นผลพวงจากการชุมนุมใหญ่หรือวิกฤตทางเศรษฐกิจที่ทำให้รัฐบาลต้องคืนอำนาจให้กับประชาชนเพื่อหาทางออก เช่น การยุบสภาในปี 2535 จากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ และในปี 2549 และ 2556 จากวิกฤตการเมือง

กลยุทธ์ทางการเมือง (1 ครั้ง)

  • การยุบสภาเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมือง เช่น การกำหนดจังหวะการเลือกตั้งใหม่เพื่อให้ผู้สมัครสามารถย้ายพรรคได้ทันเวลา ดังที่เกิดขึ้นในปี 2566

ไทม์ไลน์ย้อนรอยการยุบสภาไทย

  • พ.ศ.2481 – พันเอก พระยาพหลพลหยุหเสนา แพ้มติในสภาเรื่อง พ.ร.บ. งบประมาณ
  • พ.ศ.2488 – ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ขัดแย้งกฎหมายอาชญากรสงคราม
  • พ.ศ.2519 – ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ความขัดแย้งภายในรัฐบาล
  • พ.ศ. 2526–2531 – พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ขัดแย้งฝ่ายบริหาร-นิติบัญญัติและความแตกแยกในพรรคร่วม
  • พ.ศ.2535 – นายอานันท์ ปันยารชุน วิกฤตการณ์ทางการเมือง (พฤษภาทมิฬ)
  • พ.ศ. 2538–2543 – นายชวน หลีกภัย และนายบรรหาร ศิลปอาชา ขัดแย้งบริหาร + ความแตกแยกในรัฐบาล
  • พ.ศ.2549 – นายทักษิณ ชินวัตร วิกฤตการณ์ทางการเมือง (ชุมนุมเรียกร้องลาออก)
  • พ.ศ. 2554–2556 – นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ความแตกแยกในพรรคร่วม + วิกฤตการณ์ทางสังคม
  • พ.ศ. 2566 – พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขัดแย้งฝ่ายบริหาร-นิติบัญญัติและเตรียมเลือกตั้งใหม่

ย้อนตำนาน 'ยุบสภา' 14 ครั้ง ประวัติศาสตร์การเมืองไทยคืนอำนาจประชาชน

และล่าสุดเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2568 นายภูมิธรรม ยอมรับว่าได้ดำเนินการยื่นขอยุบสภาด้วยเหตุผลรัฐบาลเสียงข้างน้อยและสภาแบ่งเป็นสามกลุ่ม ทำให้การเมืองไม่มั่นคง จึงมีเป้าหมายคืนอำนาจให้ประชาชนผ่านการเลือกตั้งใหม่
 

 

ที่มาข้อมูล - คลังสารสนเทศรัฐสภา