ท่ามกลางวิกฤตการเมืองที่ไร้ทางออก พรรคประชาชนได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับพรรคภูมิใจไทย เพื่อสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 โดยมีข้อตกลงที่ชัดเจนและจำกัดเวลา ถือเป็นการพลิกเกมการเมืองที่หวังจะนำพาประเทศกลับสู่การเลือกตั้งและเปิดประตูสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
MOU ฉบับนี้มีช่องให้ลงนามโดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองขึ้นอีกครั้ง
เนื้อหาสำคัญของ MOU สะท้อนเจตจำนงของพรรคประชาชนที่ต้องการให้รัฐบาลใหม่เป็นเพียง "รัฐบาลเฉพาะกิจ" ที่มีภารกิจหลักในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนและเดินหน้าสู่การเลือกตั้งใหม่โดยเร็วที่สุด
MOU ฉบับนี้ระบุเงื่อนไขที่พรรคประชาชนกำหนดไว้ 5 ข้อเพื่อแลกกับการลงคะแนนเสียงสนับสนุน โดยรายละเอียดของเนื้อหามีดังนี้
ข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย กรณีการเลือกบุคคลไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และให้คณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ทำให้สภาผู้แทนราษฎรต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมดวรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 159
พรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยเห็นร่วมกันว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินเพื่อแก้ไขปัญหาจำเป็นเร่งด่วนเฉพาะหน้าในระยะเวลาอันสั้น จัดทำประชามติเพื่อให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และยุบสภาผู้แทนราษฎร
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาชนจะให้ความเห็นชอบนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ภายใต้เงื่อนไขที่พรรดประชาชนและพรรคภูมิใจไทยตกลงร่วมกัน ดังต่อไปนี้
1. นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่วันที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป
2. ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จำเป็นต้องมีการออกเสียงประชามติก่อนที่รัฐสภาจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ตามมาตรา 256 นั้น คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง โดยเร็ว ทั้งนี้ต้องไม่เกินกว่าวันลงคะแนเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป
3. ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่จำเป็นต้องมีการออกเสียงประชามติก่อนที่รัฐสภาดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ตามมาตรา 256 นั้น คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ พรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทยจะเร่งผลักดันร่างรัฐธรรมญแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อกำหนดให้มีกระบวนการจัดทำรัฐธธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง ให้แล้วเสร็จในวาระของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้โดยเร็ว
4. เพื่อสร้างหลักประกันว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือนจริง พรรคภูมิใจไทยต้องไม่ดำเนินการโดยวิธีการใดๆ เพื่อทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก
5. พรรคประชาชนยืนยันเป็นฝ่ายค้านต่อไป โดยจะทำหน้าที่ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน ของรัฐบาลชุดใหม่อย่างเต็มที่ และจะไม่มีบุคคลใดจากพรรคประชาชนไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้กล่าวในการแถลงข่าวว่า การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นทางออกที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก การสนับสนุนนายอนุทินไม่ใช่การ "ไว้วางใจ" ให้บริหารประเทศในระยะยาว แต่เป็นการเลือกนายกรัฐมนตรีเพื่อ "ทำหน้าที่" ตามกรอบเวลาและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ใน MOU โดยเฉพาะการยุบสภาและจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคประชาชนมองว่าเป็นทางออกที่แท้จริงของประเทศ
"หากมีการบิดพลิ้วเกิดขึ้น พรรคภูมิใจไทยจะต้องแบกรับต้นทุนจากการตระบัดสัตย์ต่อประชาชน" นายณัฐพงษ์ย้ำ