KEY
POINTS
เกาะติดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมมนตรีคนใหม่ ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทย เข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญที่ได้รับความสนใจจากทุกภาคส่วน
เพราะหลังจากการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ที่ทำให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องมาจากกรณีคลิปการสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา คำวินิจฉัยนี้ส่งผลให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่งด้วย และนำไปสู่กระบวนการสำคัญในการ สรรหานายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้มีคำสั่งให้นัดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 3 ครั้งที่ 18 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ ในวันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2568, ครั้งที่ 19 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) ในวันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2568 และครั้งที่ 20 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ ในวันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2568 โดยการประชุมจะเริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ว่าที่ ร.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้เปิดเผยว่า วาระการประชุมที่ได้ออกไประหว่างวันที่ 3-5 กันยายน 2568 นั้น เป็นการออกวาระตามปกติที่วิป 2 ฝ่าย (ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล) ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายที่ค้างวาระการประชุม และไม่ได้ออกวาระเพื่อรองรับการโหวตนายกรัฐมนตรี
ขณะเดียวกัน "ฐานเศรษฐกิจ" ตรวจสอบ ระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรระหว่างวันที่ 3-5 กันยายน 2568 ผ่านทางเว็บไซต์ www.parliament.go.th พบว่า ยังไม่มีการระบุวาระที่เกี่ยวข้องกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่แต่อย่างใด
วันพุธที่ 3 กันยายน 2568
วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2568
เดิมมีวาระ "กระทู้ถาม" ซึ่งประกอบด้วยกระทู้ถามสดด้วยวาจา กระทู้ถามทั่วไป และกระทู้ถามแยกเฉพาะ แต่เนื่องจากคณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง จึง ไม่สามารถมาตอบกระทู้ถามได้ ทำให้วาระนี้ต้องยกเลิกไป
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีวาระ "เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม" ซึ่งเป็นการรับทราบรายงานต่างๆ และ "เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว" หลายเรื่อง รวมถึง "เรื่องด่วน" ที่รอการพิจารณา เช่น ญัตติด่วนเรื่องการพิจารณาตรวจสอบและติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และ "เรื่องที่ค้างพิจารณา" ที่เป็นญัตติต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการตั้งกรรมาธิการสามัญในคณะกรรมาธิการต่างๆ แทนตำแหน่งที่ว่างลง
วันศุกร์ที่ 5 กันยายน 2568
เดิมได้นัดประชุมเป็นพิเศษเพื่อพิจารณา "เรื่องด่วน" และ "เรื่องที่ค้างพิจารณา" ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร่างกฎหมายที่ค้างอยู่หลายฉบับและมีความจำเป็นต้องเร่งประกาศใช้ เช่น ร่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์, ร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ, ร่างพระราชบัญญัติอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน ในวันศุกร์จะไม่มีวาระหารือ
วาระโหวตเลือกนายกฯคนที่ 32 จะมีไหม?
ความเร่งด่วนที่รอการกำหนด แม้สภาฯ จะนัดประชุม 3 วัน แต่ วาระการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ได้ถูกบรรจุอยู่ในระเบียบวาระที่ออกไปแต่แรก อย่างไรก็ตาม นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เน้นย้ำถึงความพร้อมของสภาฯ ในการดำเนินการโหวตเลือกนายกฯ หากทุกฝ่ายพร้อม ท่านได้มอบหมายให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นตัวกลางในการรับเรื่องจากพรรคการเมืองที่พร้อมเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี
ข้อกำหนดสำคัญคือ จะต้องแจ้งให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วันก่อนที่จะมีการโหวตเลือกนายกฯ ด้วยเหตุนี้ ทำให้มีการคาดการณ์ว่า การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ทันในวันพุธที่ 3 กันยายนนี้ โดยมีความเป็นไปได้สูงที่จะเลื่อนไปเป็น วันพฤหัสบดีที่ 4 หรือวันศุกร์ที่ 5 กันยายน 2568อย่างไรก็ตามเลขาธิการสภาฯ ได้ระบุว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้เตรียมความพร้อมไว้แล้วสำหรับวันที่ 3, 4, 5 และ 10 กันยายน
ด้านประธานสภาฯ กล่าวแสดงความประสงค์ว่า อยากให้การเลือกนายกรัฐมนตรีเสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ประเทศว่างเว้นผู้นำเป็นเวลานาน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศและเศรษฐกิจ
กระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 จะเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดไว้ ดังนี้
1. การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
2. การรับรองจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)
3. การลงมติในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
4. การทูลเกล้าฯ แต่งตั้ง
ประชาชนสามารถติดตามการถ่ายทอดสดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ เพื่อร่วมติดตามและเป็นสักขีพยานในกระบวนการสำคัญนี้ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และช่องทางออนไลน์อย่างเป็นทางการ ดังนี้
เอกสารประกอบการพิจารณาได้ โดยการสแกน QR Code หรือทางเว็บไซต์ www.parliament.go.th