ผ่าอำนาจ ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ นายกฯ รักษาการ ช่วงสุญญากาศการเมือง

30 ส.ค. 2568 | 08:05 น.

ผ่าอำนาจการบริหารราชการแผ่นดิน ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ นายกรัฐมนตรี รักษาการ ช่วงสุญญากาศการเมือง กำหนดระเอียดเรื่องใดทำได้-ไม่ได้ รวมทั้งข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ วันที่ 30 สิงหาคม 2568 หลังจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และให้คณะรัฐมนตรีชุดเดิมสิ้นสุดลงโดยทันที ได้มีมติเห็นชอบการบริหารราชการแผ่นดินที่สำคัญในช่วงสุญญากาศทางการเมือง โดยแต่งตั้ง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี 

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุเหตุผลว่า ด้วยสถานการณ์ที่นายกรัฐมนตรีได้พ้นจากตำแหน่งตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ครม.จึงต้องดำเนินการรักษาการในตำแหน่งต่อไป จนกว่าจะมีการแต่งตั้งครม.ชุดใหม่ขึ้นมาบริหารประเทศ

โดยในสถานการณ์เช่นนี้ กฎหมายได้กำหนดแนวทางปฏิบัติไว้อย่างชัดเจนว่า ในกรณีที่ไม่มีนายกฯ และยังมีรองนายกฯ อยู่ ก็ให้ครม.นั้นมีมติแต่งตั้งรองนายกฯท่านใดท่านหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ วันนี้ ครม.จึงมีมติแต่งตั้งรองนายกฯภูมิธรรม เป็นผู้ทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี

พร้อมระบุว่า หลักปฏิบัติของครม.รักษาการ จะทำหน้าที่เหมือนครม.ปกติ เพียงแต่ว่าเรื่องใดที่เป็นนโยบายที่อาจจะผูกพันครม.ในอนาคต ขอให้ชะลอไว้ก่อน แต่ว่าถ้าเป็นการจำเป็นเร่งด่วนทั้งหลายทั้งปวง ก็สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติโดยทั่วไป

ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลมติครม. ได้เห็นชอบแนวทางการบริหารราชการแผ่นดิน ในช่วงที่เกิดปัญหาทางการเมือง โดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้จัดทำแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐนตรี กรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 170 (4) โดยกำหนดแนวทางการทำงานของรัฐบาลไว้ดังนี้

 

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี 

 

สถานะของคณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีสิ้นสุดลง แต่ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป (ไม่เรียกว่า รักษาการ และได้รับเงินเดือนแต่ยังไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน) 

โดยคณะรัฐมนตรียังคงมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศเท่าที่จำเป็นทุกประการ กรณีมีมีสถานการณ์คุกคามความมั่นคงของชาติ ย่อมมีอำนาจหน้าที่ที่จะประกาศมาตรการเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติได้ เช่น ประกาศภาวะฉุกเฉินหรือประกาศ กฎอัยการศึก เป็นต้น

ส่วนการลงชื่อตำแหน่งของรัฐมนตรี ยังคงลงชื่อในตำแหน่งเดิม มิใช่เป็นการรักษาการหรือรักษาการในตำแหน่ง

หลักการเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี

1.เรื่องที่เป็นนโยบายใหม่ซึ่งมีผลผูกพันคณะรัฐนตรีชุดใหม่ ไม่ควรพิจารณา

2.เรื่องที่จำเป็น เร่งด่วน หรือเรื่องที่ต่อเนื่องให้พิจารณาดำเนินการเป็นเรื่อง ๆ ไป

3.ร่างพระราชบัญญัติในระหว่างที่รอคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่เข้ารับหน้าที่ แยกเป็น

  • ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการก่อนวันที่ 29 สิงหาคม 2568 และอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หากสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเสร็จแล้วและต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ให้รอเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
  • ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการก่อนวันที่ 29 สิงหาคม 2568 และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว ให้ส่งคณะกรรมการ ประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไปได้
  • ร่างพระราชบัญญัติที่กำลังจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา อนุมัติหลักการ หากมีความจำเป็นเพื่อรักษาประโยชน์ของรัฐ รักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ ให้พิจารณาดำเนินการได้ตามความเหมาะสม

ทั้งนี้ ข้าราชการการเมืองที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ผู้แทนการค้าไทยตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยผู้แทนการค้าไทย พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 

รวมถึงคณะกรรมการ ที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งตามมาตรา 11 (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วย ซึ่งหากจะให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ให้ดำเนินการแต่งตั้งตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย