วันนี้ (29 ส.ค. 68) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้บัญชาการ ศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ (IAC) มอบหมายให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) แถลงผลการทำงานของ “Warroom IAC” ในโครงการ “MONEY CASH BACK ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน” โดยมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 และเจ้าหน้าที่ร่วมแถลง
การทำงานของ “Warroom IAC” ใช้ระบบบูรณาการหน่วยงานตำรวจ–สถาบันการเงิน–หน่วยงานกำกับดูแล ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อหยุดยั้งการโอนเงินผิดปกติ อายัดทรัพย์สิน และนำเงินคืนผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด
ตั้งแต่เปิด “Warroom IAC” วันที่ 4 ส.ค. 2568 ถึง 28 ส.ค. 2568
มีเคสเข้าสู่ระบบ 426 เคส มูลค่าความเสียหาย 225,093,192 บาท
อายัดได้ 201 เคส มูลค่าทรัพย์สิน 75,246,769 บาท
พบการถอนเงินสด 170 เคส มูลค่า 92,145,130 บาท
รวมแล้ว โครงการ “MONEY CASH BACK” สามารถคืนเงินผู้เสียหายแล้วกว่า 234 ล้านบาท
ล่าสุด คืนเงินผู้เสียหาย 5 ราย กว่า 2 ล้านบาท
ในรอบล่าสุด “Warroom IAC” สามารถติดตามและอายัดเงินเพื่อคืนให้ผู้เสียหายได้อีก 5 ราย รวม 2,058,920 บาท โดยแต่ละกรณีเป็นอุทาหรณ์สำคัญ ได้แก่
ลงทุนหุ้นปลอมในชื่อ “อ.ทิวา ชินธาดาพงศ์” ผู้เสียหายโอนรวมกว่า 4.7 ล้านบาท อายัดคืนได้ 500,000 บาท
ข้าราชการถูกหลอกอ้างเป็น DSI หลอกให้โอนเงินตรวจสอบคดี อายัดคืนได้ 497,900 บาท
อดีตข้าราชการถูกหลอกผ่านไลน์ “กลุ่มผู้เกษียณอายุ” อายัดคืนได้ 411,010 บาท
หลอกลงทุนผ่านไลน์กลุ่ม “DDos ชุดที่ 88” เสียหายกว่า 3.6 ล้านบาท อายัดคืนได้ 370,010 บาท
ถูกชวนลงทุนออนไลน์ในเว็บไซต์ vips-psl.com รวมความเสียหาย 4.3 ล้านบาท อายัดคืนได้ 280,000 บาท
“Warroom IAC” ถือเป็นโมเดลใหม่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ไม่เพียงมุ่งปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนด้วยการ “นำเงินคืน” อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านความร่วมมือของหลายฝ่าย ตั้งแต่ตำรวจ–ธนาคาร–หน่วยงานกำกับ–ผู้เสียหาย
เป้าหมายต่อไป คือการทำให้เห็นผลชัดเจนภายใน 3 เดือน ว่า “การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์” ไม่ใช่แค่คำพูด แต่มีการคืนทรัพย์สินให้ผู้เสียหายจริง