สะพัด! ทุ่ม 2 พันล้านบาท ลงขันล้ม 'แพทองธาร' สู้ดีลลับ ส.-ท.

26 ส.ค. 2568 | 09:29 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ส.ค. 2568 | 09:42 น.

สะพัด "นักการเมือง-นักธุรกิจ" ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาล ร่วมลงขันกว่า 2 พันล้านบาท หวังโค่น “แพทองธาร ชินวัตร” เพื่อเปิดทางเลือกนายกฯ และ ตั้งรัฐบาลใหม่

KEY

POINTS

  • มีกระแสข่าวว่ากลุ่มนักการเมืองและนักธุรกิจฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลได้ระดมทุนกว่า 2 พันล้านบาท
  • เงินทุนดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อโค่นล้ม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเปิดทางตั้งรัฐบาลใหม่
  • การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบโต้กระแสข่าว "ดีลลับ ส.-ท." ที่เชื่อว่าจะช่วยให้นายกฯ รอดพ้นจากคดีคลิปเสียงฮุนเซน

ช่วงเช้าวันที่ 26 สิงหาคม 2568 มีรายงานว่า นักการเมืองและนักธุรกิจฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาล ได้ร่วมกันลงขันกว่า 2 พันล้านบาท เพื่อหวังโค่น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม เพื่อเปิดทางให้มีการเลือก “นายกรัฐมนตรีคนใหม่” และ “ตั้งรัฐบาลใหม่”

ข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าว การดีลระหว่าง “ส.-ท.” ซึ่งเป็นกระแสข่าวที่ “พรรคเพื่อไทย” เชื่อว่า นายกรัฐมนตรีจะรอดจากวิบากกรรมคดีคลิปเสียงฮุนเซน

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม 2568 นี้ เวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญได้นัดอ่านคำวินิจฉัย ชี้ชะตา “แพทองธาร ชินวัตร” ภายใต้คำร้องที่มีการยื่นต่อศาลฯ กรณี “คลิปเสียงฮุนเซน” ซึ่ง 36 สมาชิกวุฒิสภา (สว.) มองว่าเข้าข่ายกระทบต่อความมั่นคง และอาจขัดรัฐธรรมนูญมาตราเกี่ยวกับคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี

คำวินิจฉัยครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นการชี้ชะตาทางการเมืองของนายกฯ หญิงคนที่สอง จาก “ตระกูลชินวัตร” ที่ก้าวขึ้นมาเป็นนายกฯ คนที่ 31 ด้วยเสียงสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย และ กลุ่มการเมืองร่วมรัฐบาล หากแต่ยังเป็นตัวแปรสำคัญต่อเสถียรภาพของรัฐบาล และอนาคต “รัฐบาลแพทองธาร”

หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า “ไม่ผิด” น.ส.แพทองธาร จะสามารถเดินหน้าบริหารประเทศต่อไป และถือเป็นการปลดล็อกแรงกดดันทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา 

แต่หากศาลฯ วินิจฉัย “ผิด” และสิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะส่งผลให้การเมืองไทยเข้าสู่ความไม่แน่นอน 

...หากผลศาลฯ ออกมาตามแนวทางหลัง จะนำไปสู่การเกิดแรงกระเพื่อมทางการเมือง ซึ่งอาจ “เข้าทาง” ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ที่รอเวลา “ถอนแค้น” อยู่แล้ว...