วันที่ 5 สิงหาคม 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้อนุมัติให้กองทัพอากาศ (ทอ.) จัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Saab JAS 39 Gripen รุ่น E และ F จากสวีเดน เฟสแรกจำนวน 4 ลำ มูลค่ารวม 19,500 ล้านบาท
แผนจัดซื้อนี้อยู่ในยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนให้กองทัพอากาศ มีสมรรถนะที่แข็งแกร่ง ลดการพึ่งพาเครื่องบิน F‑16 รุ่นเก่า (ใช้งานกว่า 37 ปี) และทดแทนในระยะยาวระหว่างปี 2571–2578
โครงการแบ่งออกเป็น 3 เฟส โดยเฟสแรกจัดซื้อ 4 ลำ (Gripen E จำนวน 3 ลำ และ Gripen F จำนวน 1 ลำ) จะถูกส่งมอบภายในปี 2572 ส่วนเฟสต่อไปรวมเป็น 12 ลำ ภายในปี 2578–2579
ทั้งนี้ กองทัพอากาศชี้แจงว่า โครงการนี้ดำเนินการผ่านกระบวนการรัฐต่อรัฐ (G2G) โปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีมาตรการ Offset Policy สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจตอบแทนประชาชนได้สูงถึงหลายแสนล้านบาท
Gripen E/F มีเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น เรดาร์ AESA, ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์, จรวด Meteor ที่สามารถยิงโจมตีระยะไกล (BVR) และสามารถเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธภัณฑ์กับกองทัพอื่น ผ่านระบบ Data Link ของ Saab
แม้มีข่าวลือว่า รัฐบาลสวีเดนอาจระงับการขาย Gripen ให้ไทย หลังจากใช้เครื่องบินลุยชายแดนกัมพูชา แต่สถานทูตสวีเดนและ ทอ. ยืนยันว่าไม่ได้ถูกระงับ และขั้นตอนจัดซื้อยังดำเนินอยู่ตามแผน
โดย พล.อ.อ.พันธุ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. เตรียมที่จะเดินทางไปลงนามในสัญญาการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่กริพเพนฝูงใหม่ จำนวน 4 ลำ ในช่วงวันที่ 23-27 ส.ค.นี้
ทั้งนี้ ไทยวางแผนจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Gripen รวมทั้งหมด 12 ลำ ภายใน 10 ปี ตั้งแต่ปี 2568 ถึง 2578 และมองรุ่น E/F เป็นรุ่นอนาคตของกองทัพอากาศไทย