นายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชาที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ โพสต์ข้อความพร้อมภาพในเฟซบุ๊ก “Sam Rainsy” โดยระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ถูกคุมขังกว่า 120,000 คนในกลุ่มอาคารหลายแห่งทั่วประเทศกัมพูชา ซึ่งถูกบังคับให้เป็นทาสแรงงานภายใต้สภาพที่โหดร้าย
รายงานความยาวกว่า 250 หน้าของแอมเนสตี อินเตอร์เนชันแนล โดยรวบรวมจากการวิจัยและคำให้การของผู้รอดชีวิต 58 คน เป็นเวลา 18 เดือน รวมถึงเด็ก 9 คน ได้ระบุว่า ในอาคารอย่างน้อย 53 แห่งที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดและมีสภาพเหมือนคุก เหยื่อของการค้ามนุษย์ถูกทรมานด้วยการใช้ไฟฟ้าช็อตและทุบตี และถูกบังคับให้หลอกลวงทางออนไลน์เพื่อสร้างรายได้ให้กับเครือข่ายอาชญากรชาวจีนที่ทรงอิทธิพล
ทั้งนี้ เหยื่อเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงชาวกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนไทย เวียดนาม อินเดีย ฟิลิปปินส์ และชาติอื่นที่ถูกขบวนการค้ามนุษย์นำเข้ามาในกัมพูชาและถูกคุมขังโดยมิชอบ เพื่อเป็นการตอบโต้ขบวนการนี้ ทางการไทยและเวียดนามได้เริ่มปฏิบัติการช่วยเหลือเพื่อปล่อยตัวพลเมืองของตน
กลุ่มอาชญากรเหล่านี้ดำเนินธุรกิจกาสิโน ฟอกเงินผ่านอสังหาริมทรัพย์ และตั้งบริษัทบังหน้าทั่วกัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน พวกเขาได้รับการปกป้องจากกลุ่มการเมืองตระกูลฮุน และดำเนินการโดยแทบไม่ต้องรับโทษใดๆ สมาชิกมาเฟียชาวจีนจำนวนมากถือหนังสือเดินทางกัมพูชา และมักถูกจับกุมเมื่อเดินทางไปยังประเทศต่างๆ เช่น สิงคโปร์ หรือไทย
แก๊งมาเฟียข้ามชาติเหล่านี้ โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ใกล้ชายแดนไทย สร้างรายได้หลายพันล้านเหรียญต่อปี ส่งต่อเงินให้ตระกูลฮุนและพันธมิตร
นั่นเป็นเหตุผลที่การปราบปรามมาเฟียชายแดนของไทยเมื่อเร็วๆ นี้ก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรุนแรงจากฮุนเซน และความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นตามแนวชายแดน