วันที่ 11 กรกฎาคม 2568 พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 6–9 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ และคณะ ได้เดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ เพื่อกระชับความร่วมมือด้านความมั่นคง และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการป้องกันอาชญากรรมร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงของญี่ปุ่น
ในโอกาสนี้ คณะได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายโยชิโนบุ คุสึโนกิ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น (NPA) เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือด้านการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการฉ้อโกงออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่มีความเคลื่อนไหวเชื่อมโยงระหว่างประเทศอย่างซับซ้อน
ในการพบปะดังกล่าว ผบ.ตร.ไทยได้กล่าวขอบคุณฝ่ายญี่ปุ่นที่สนับสนุนการจัดตั้งตำแหน่ง “ตำรวจประสานงานไทย” ณ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงการทำงานด้านข่าวกรองและการสืบสวนระหว่างสองประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
คณะตำรวจไทยยังได้เดินทางไปเยี่ยมชมสถานีตำรวจชินจูกุ ซึ่งเป็นสถานีตำรวจขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและพลเรือนรวมกว่า 700 นาย โดยมีตำรวจหญิงมากถึง 100 นาย พร้อมเข้าชมการฝึกอบรมของแต่ละแผนก อาทิ แผนกสืบสวนอาชญากรรมองค์กร และศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน
นอกจากนี้ คณะยังเข้าพบ นายฮิเดอากิ โออิตะ ผู้อำนวยการสืบสวนอาชญากรรมไซเบอร์ เพื่อหารือแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีการสืบสวน โดยได้ศึกษาดูงาน "หน่วยวิเคราะห์ข้อมูลทางเทคโนโลยี" ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบวัตถุพยานดิจิทัล เช่น โทรศัพท์มือถือ ฮาร์ดดิสก์ หรือแม้กระทั่งรถยนต์ที่เกี่ยวข้องกับคดี ตลอดจนดูงาน “ศูนย์ต่อต้านการโจมตีทางไซเบอร์” ที่ทำหน้าที่เฝ้าระวังภัยคุกคามจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศญี่ปุ่น
ในช่วงท้ายของภารกิจ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พร้อมคณะ ยังได้เข้าพบนายวิชชุ เวชชาชีวะ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์แรงงานไทยในญี่ปุ่น ปัญหาการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ และความร่วมมือด้านการเดินทางระหว่างพลเมืองสองประเทศ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่เดินทางเข้าประเทศไทยในปัจจุบัน
ทั้งนี้ การเดินทางเยือนญี่ปุ่นของ ผบ.ตร.และคณะในครั้งนี้ นับว่าประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ไม่เพียงแต่ในด้านการหารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลเท่านั้น แต่ยังได้แนวทางการบริหารจัดการสถานีตำรวจ การปฏิบัติงานสืบสวน และเทคโนโลยีด้านพิสูจน์หลักฐานทางดิจิทัล ซึ่งจะถูกนำมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไทยในการดูแลความปลอดภัยและบริการประชาชนต่อไปอย่างยั่งยืน