“นิพนธ์”ผิดหวัง ปชป.ทำผิดซ้ำซ้อน ปมให้สัตยาบันย้อนหลัง

09 ก.ค. 2568 | 04:13 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ก.ค. 2568 | 04:23 น.

“นิพนธ์”ผิดหวัง ปชป.ทำผิดซ้ำซ้อน ปมให้สัตยาบันย้อนหลัง ชี้ประชาชนหมดศรัทธา “ประชาธิปัตย์ไม่เหลือเค้าเดิม”

วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยภายหลังจากที่ประชุมร่วมระหว่างกรรมการบริหารพรรค และ สส.ประชาธิปัตย์(ปชป.) ที่ผ่านมาเมื่อวานนี้ ซึ่งมีวาระสำคัญคือ การ “ให้สัตยาบันย้อนหลัง” เพื่อรองรับการเสนอชื่อรัฐมนตรีของพรรค ที่ก่อนหน้านี้มิได้ผ่านมติพรรคตามข้อบังคับที่กำหนดไว้ 

“การให้สัตยาบันในวันนี้ คือ การยอมรับว่า ได้ทำผิดข้อบังคับพรรคจริง และยิ่งแสดงชัดว่า การเสนอชื่อรัฐมนตรีไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่พรรคกำหนดไว้แต่แรก ยิ่งไปกว่านั้น ข้อบังคับพรรคเองก็ไม่ได้เปิดช่องให้สามารถให้สัตยาบันย้อนหลังได้เลย เพราะข้อบังคับพรรคได้กำหนดหมวดว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไว้โดยเฉพาะแล้ว“ นายนิพนธ์ กล่าว 

นายนิพนธ์ ชี้ว่า การประชุมครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหา แต่คือ การทำผิดซ้ำสอง และยังสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา หากมีการแก้ไขเอกสารการประชุมย้อนหลังรวมถึงอาจเข้าข่ายขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 21 ที่กำหนดให้กรรมการบริหารพรรคต้องดำเนินกิจกรรมให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และ ข้อบังคับพรรคอย่างเคร่งครัด อันจะนำไปสู่การผิดจริยธรรมด้วย 

                    “นิพนธ์”ผิดหวัง ปชป.ทำผิดซ้ำซ้อน ปมให้สัตยาบันย้อนหลัง

“ผมไม่นึกว่า วันนี้ประชาธิปัตย์จะเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ เพราะหากทำถึงขนาดนี้ได้ ก็เท่ากับว่า ข้อบังคับไม่มีความศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ คือ การนิรโทษกรรมให้ตัวเองโดยพละการ ทำลายหลักธรรมาภิบาลของพรรค และบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือในสายตาของมวลสมาชิกและประชาชน”

ในตอนท้าย นายนิพนธ์ ได้แสดงความผิดหวังต่อทิศทางของพรรค พร้อมประกาศชัดว่า ความเป็นประชาธิปัตย์ในอดีต ได้สิ้นสุดลงแล้ว 

“ประชาธิปัตย์ ไม่เหลือความเป็นประชาธิปัตย์ดั้งเดิมอีกต่อไปแล้ว นับแต่นี้พรรคจะอยู่ในกำมือของคนเพียงสองคน หรือไม่กี่คน ที่จะสุมหัวกันคิดทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องคำนึงถึงข้อบังคับพรรค และเมื่อถึงจุดที่ข้อบังคับถูกเหยียบย่ำ ความเป็นประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นสถาบันทางการเมืองที่อยู่มาแล้วกว่า 79 ปี ก็หมดสิ้นและจบกันแล้วจริง ๆ”