นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน โพสต์เฟซบุ๊ก ในหัวข้อ “โค้งสุดท้ายรัฐบาล ทำการเมืองให้น้อย ทำเพื่อประชาชนให้มาก!” ระบุว่า
จากสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน และการได้พูดคุยกับหลายฝ่าย ให้ความเห็นเป็นทิศทางเดียวกันว่า เวลาของรัฐบาลชุดนี้อาจสั้นกว่าที่ประเมินกันไว้ ขณะนี้ จึงเรียกได้ว่าเป็น “โค้งสุดท้าย” ของรัฐบาล
รัฐบาลเศรษฐา ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลแพทองธาร ในระยะ 1 ปี 8 เดือน ทุกท่านคงได้เห็นกันว่า “ใช้เวลาทำการเมืองมาก
ใช้เวลาทำเพื่อประชาชนน้อย”
การออกแรง ลงแรง ใช้เวลากับงานการเมืองมาก โดยเฉพาะการทำลายศัตรูทางการเมือง ทำให้แรงในการขับเคลื่อนงานเพื่อบ้านเมืองน้อยลงไปด้วย
ผมนึกถึงคำขวัญช่วงเลือกตั้ง “เศรษฐกิจแย่คนแก้ต้องเพื่อไทย”
ตลาดที่โล่ง ห้างที่ร้าง ข้าวของแพง สินค้าราคาเกษตร/ผลไม้ ตกยกแผง เป็นบทพิสูจน์ว่า รัฐบาลนี้เอาไม่อยู่-แก้ไม่ได้!
เมื่อเป็นโค้งสุดท้ายของรัฐบาล ผมจึงขอแนะนำให้ “ทำการเมืองให้น้อย ทำเพื่อประชาชนให้มาก หันมาสร้างสรรค์ผลงานที่ประชาชนจับต้องได้จริง”
นโยบายในช่วงโค้งสุดท้าย ต้องเป็นงานที่ผ่านการคิดอย่างรอบคอบ ขับเคลื่อนให้บ้านเมืองของเราเดินไปข้างหน้า ไม่ใช่คิดน้อยแต่ดึงดันเหมือนกรณี “ดิจิทัลวอลเล็ต” ที่ลงท้ายแล้วไม่ได้ต่างจากการเติมเงินในบัตรประชารัฐเท่าไหร่นัก
และขณะนี้ก็เลื่อนการแจกเฟสที่สามออกไป แบบไร้กำหนด โดยอ้างการกระตุ้นเศรษฐกิจและรับมือภาษีทรัมป์ แต่ผมคิดว่า ข้อเท็จจริงคือ รัฐบาลได้ประเมินแล้วว่า ดิจิทัลวอลเล็ตมาผิดทางและปลุกเศรษฐกิจไทยไม่ขึ้น และไม่ควรเป็นนโยบายที่ตั้งต้นจากผลประโยชน์ของทุนใหญ่ หรือกลุ่มการเมือง เหมือนกรณี “กาสิโนถูกกฎหมาย” ที่พยายามจะเร่งผ่านกฎหมายอย่างเร่งรีบ โดยไม่มีฉันทามติร่วมกันจากพี่น้องประชาชน และรัฐบาลยอมเลื่อนออกไป เพราะประเมินแล้วว่านโยบายนี้จะเร่งเครื่องการประท้วงของมวลชนให้กลับสู่ท้องถนนอีกครั้ง
ผมถือว่า “โค้งสุดท้ายคือโอกาสสุดท้าย!“ ดังนั้น นายกรัฐมนตรี จึงต้องตัดสินใจใช้เวลาที่เหลือเพียงน้อยนิดในการสร้างผลงานที่เป็นรูปธรรม
ทุกวันที่รัฐบาลอยู่ในอำนาจ ล้วนเป็นวันนับถอยหลัง อย่าให้เวลาหมดไป พร้อมความไว้วางใจของคนทั้งแผ่นดิน