น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติว่า การประชุมวันนี้ได้พูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ได้นำทีมกองทัพไปเจรจากับทางกัมพูชา โดยได้หารือกันอย่างราบรื่นและทุกอย่างยังคงอยู่ในกรอบที่โอเค
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จุดสำคัญในวันนี้คือการยืนยันความเอกภาพในการทำงานระหว่างรัฐบาลและกองทัพ โดยทุกหน่วยงานต่างทำงานประสานกันอย่างดี โดยไม่เกิดปัญหาภายใน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงการทำงานร่วมกันของรัฐบาลและกองทัพที่ไม่มีปัญหาใดๆ ขัดแย้งกัน โดยได้มีการทำความเข้าใจในเรื่องอำนาจและหน้าที่ของแต่ละฝ่ายให้ชัดเจนก่อนที่จะแสดงความคิดเห็นหรือลงมือดำเนินการในสถานการณ์ต่างๆ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการทำงานร่วมกับนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) โดยมีการตกลงกันไม่ให้เกิดกระแสการปลุกปั่นหรือการบิดเบือนข้อมูลเพื่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคม โดยเน้นย้ำว่าทั้งรัฐบาลและกองทัพยังคงทำงานสนับสนุนกันอย่างเต็มที่และมีความเข้าใจกันอย่างดีในทุกขั้นตอน
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ในเรื่องของการรักษาอธิปไตยของประเทศนั้น รัฐบาลจะให้ความสำคัญในการเจรจาและการใช้สันติวิธีในการแก้ไขปัญหาชายแดน โดยไม่ได้มุ่งเน้นการใช้ความรุนแรงในการตอบโต้ แต่จะพยายามใช้วิธีการเจรจาและความสงบเรียบร้อยเป็นหลัก โดยหากสถานการณ์ไม่จำเป็นต้องปะทะ ก็จะไม่ยอมให้เกิดการปะทะที่อาจทำให้เกิดความเสียหาย
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการเจรจาที่เกิดขึ้นระหว่างไทยและกัมพูชา โดยย้ำว่าได้มีการพูดคุยกันในเรื่องที่เกี่ยวกับการปกป้องอธิปไตยของทั้งสองประเทศอย่างชัดเจน โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะดำเนินการในกรอบของการเจรจา และในขณะนี้ยังไม่มีความรุนแรงที่ขยายตัวออกไปมากนัก กองทัพได้ยืนยันว่าจะจำกัดความรุนแรงไม่ให้เกิดขึ้น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่
ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้แถลงภายหลังการประชุมสมช. ว่า การพูดคุยวันนี้ได้เน้นการรักษาอธิปไตยของประเทศและการดำรงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน โดยทุกฝ่ายได้พูดคุยบนหลักการเดียวกันในการปกป้องอธิปไตยและการลดความตึงเครียดในพื้นที่
นายภูมิธรรม กล่าวถึงการปรับกลยุทธ์การสื่อสารระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) โดยมีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดหรือการปลุกปั่นข่าวสารที่อาจทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้น โดยยืนยันว่า ทุกหน่วยงานได้ประสานงานกันอย่างเต็มที่และใช้กลไกการสื่อสารที่มีอยู่ในการทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง
นายภูมิธรรมกล่าวว่า การเจรจาในเรื่องชายแดนจะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่แล้ว เช่น JBC RBC และ GBC โดยจะเน้นการพูดคุยในเรื่องของการแก้ปัญหาการกระทบกระทั่งกันในพื้นที่ที่มีการปะทะ และลดความตึงเครียดที่เกิดขึ้น โดยการเจรจาจะมีเป้าหมายในการหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทั้งสองประเทศ
พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) กล่าวยืนยันว่า กองทัพสนับสนุนแนวทางของรัฐบาลในการคลี่คลายสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาโดยใช้สันติวิธี โดยจะปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาอธิปไตยและคุ้มครองปกป้องประชาชนตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด พร้อมยืนยันว่ากองทัพพร้อมปฏิบัติตามแนวทางที่รัฐบาลและสมช. กำหนด
พล.อ.ทรงวิทย์กล่าวว่า กองทัพจะประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชน โดยเน้นการสื่อสารที่เป็นเอกภาพและไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในเรื่องของสถานการณ์ชายแดน ทั้งนี้การปฏิบัติการจะต้องไปตามกรอบของรัฐธรรมนูญและการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพ
การประชุมวันนี้ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลและกองทัพในการรักษาความสงบเรียบร้อยและแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างมีเอกภาพ โดยใช้กลไกการเจรจาทวิภาคีเป็นหลัก และให้ความสำคัญในการลดความรุนแรงและการเผชิญหน้าที่อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อทั้งสองประเทศ