วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสทางการเมือง หลังการปรากฏภาพ นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช. และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรฯ สวมกอดกันในเวที "ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 2/2568" ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ พร้อมประกาศร่วมมือกันต่อต้านระบอบทักษิณ
“ก็หลากหลายอารมณ์” นายทักษิณ ตอบ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกขนลุกกับการจับมือของสองขั้วการเมืองในอดีตหรือไม่ เจ้าตัวตอบกลับทันทีว่า “ไม่รู้ว่าอะไรลุก ขนไม่ลุก อย่าไปสนใจ อย่าไปใส่ใจ ผมมีลูกมีหลานต้องเลี้ยงเอง ไม่ต้องเลี้ยงลูกเมียคนอื่น”
สำหรับคำถามว่ามีโอกาสเห็นภาพสวมกอดระหว่าง นายทักษิณกับ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่า เจอกันเป็นประจำ โดยครั้งล่าสุดเจอกันเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ก่อนหันไปยิ้มกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมหาดไทย ที่ยืนอยู่ข้างๆ และโชว์โอบไหล่กันกลางวงสื่อ
เมื่อถามถึงกระแส"สงครามตัวแทน"ที่พุ่งเป้าไปยังพรรคร่วมรัฐบาล นายทักษิณ ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาใด ๆ ระหว่างกัน พร้อมระบุว่า “อย่าไปใส่ใจ ทุกอย่างมีกติกา และต้องมีมารยาทในการร่วมรัฐบาล”
กรณีที่ถูกปั่นกระแสทางการเมืองทั้งฝั่งซ้ายและขวา เจ้าตัวตอบติดตลกว่า “ไม่เป็นอะไร บังเอิญผมไม่รู้ร้อนรู้หนาว เพราะแก่แล้ว แต่ห่วงคนปั่น กลัวเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตก ต้องไปเยี่ยม ขี้เกียจไป”
เมื่อถามถึงความมั่นคงของรัฐบาลชุดนี้ นายทักษิณ ย้ำชัดว่า “จะอยู่ด้วยกันจนจบแน่นอน ไม่ต้องห่วงเลย” และเมื่อถามว่าจะไม่มีการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีกลางคันใช่หรือไม่ เขายืนยันว่า “ไม่มี” พร้อมระบุว่า หากจะเปลี่ยนก็ต้องยุบสภาให้ประชาชนตัดสินใหม่ ซึ่งยัง “อีกนาน ไม่ใช่ตอนนี้”
ส่วนกระแสข่าวที่โยงว่า นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีตผู้สมัคร สว. ที่ยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย อาจมีเบื้องหลังทางการเมือง นายทักษิณยืนยันว่า ไม่ได้เจอเธอมานานหลายปี และไม่เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด
เมื่อถูกถามว่าเป็นห่วงนายอนุทินหรือไม่ หลังมีประเด็นร้องเรียนเรื่องจริยธรรม นายทักษิณ กล่าวพร้อมหัวเราะว่า “โอ๊ย เขาเอาตัวรอดได้ ไม่ต้องห่วง ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ไม่หวั่นไหวหรอก”
ปิดท้ายด้วยคำถามถึงอาการล่าสุดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ลื่นล้มในงานกิจกรรมหนึ่ง นายทักษิณ แสดงความเห็นใจว่า “สงสาร ไม่รู้เป็นไงบ้าง”