ลุ้นบ่ายพรุ่งนี้ ศาลชี้ชะตา “ยิ่งลักษณ์” คดีชดใช้ 3.5 หมื่นล้าน

21 พ.ค. 2568 | 08:04 น.
อัปเดตล่าสุด :21 พ.ค. 2568 | 08:30 น.

บ่ายพรุ่งนี้ ศาลปกครองสูงสุดนัดอ่านคำพิพากษา ชี้ขาด “ยิ่งลักษณ์” ต้องชดใช้เงิน 35,717 ล้านบาท จากคดีจำนำข้าวหรือไม่ หลังศาลชั้นต้นยกเลิกคำสั่งกระทรวงการคลัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (22 พ.ค. 68) เวลา 13.30 น. ศาลปกครองสูงสุดได้นัดออกบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่กระทรวงการคลัง เป็นผู้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง กรณีมีคำสั่งให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 35,717,273,028 บาท ฐานละเลยต่อหน้าที่ในการป้องกันและระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นจาก โครงการรับจำนำข้าว ซึ่งถูกตรวจสอบว่าเกิดการทุจริตอย่างกว้างขวางในช่วงที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2554–2557

ที่มาของคดี-ข้อพิพาททางกฎหมาย 

คดีนี้เกิดขึ้นภายหลังจากปี 2559 เมื่อกระทรวงการคลังออกคำสั่งที่ 135/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวนดังกล่าว โดยระบุว่า เป็นผู้นำฝ่ายบริหารที่ไม่ดำเนินการระงับความเสียหาย ทั้งที่ทราบปัญหาการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวแล้ว แต่กลับปล่อยปละละเลย ไม่ใช้อำนาจหน้าที่ในการป้องกันหรือยับยั้ง 


น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมด้วย นายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ระบุว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน และขาดหลักฐานที่ชัดเจนว่าเธอเป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายโดยตรง

ศาลชั้นต้นเห็นพ้อง-ยกคำสั่งกระทรวงคลัง

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา “เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง” โดยเห็นว่า กระทรวงการคลัง ไม่สามารถนำพยานหลักฐานมายืนยันได้ชัดเจน ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีเจตนา หรือเป็นผู้กระทำละเมิดโดยตรง 

ขั้นตอนการสอบสวนของ คณะกรรมการสอบสวนความรับผิดทางละเมิด มีข้อบกพร่อง และ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย 

คำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าวทำให้คำสั่งให้ชดใช้เงิน 3.5 หมื่นล้านบาทเป็นอันตกไป และส่งผลให้รัฐต้องยุติการบังคับคดีชั่วคราว แต่กระทรวงการคลังได้ใช้สิทธิอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด และศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาในวันพรุ่งนี้ 

เดิมพันทางการเมืองและกฎหมาย 

คดีนี้ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดจากทั้งแวดวงการเมืองและประชาชนทั่วไป เพราะถือเป็นกรณีตัวอย่างของ ความรับผิดชอบของผู้นำรัฐบาลต่อโครงการนโยบายสาธารณะ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณแผ่นดินนับแสนล้านบาท 

ฝ่ายที่สนับสนุนการบังคับให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับผิดชี้ว่า การไม่ดำเนินการยับยั้งความเสียหาย ทั้งที่มีรายงานจากหน่วยงานรัฐจำนวนมากถือเป็นการละเมิดหน้าที่อย่างชัดแจ้ง ขณะที่ฝ่ายต่อต้านกลับมองว่าเป็นการใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือทางการเมือง ที่อาจนำไปสู่การปิดกั้นเสรีภาพในการกำหนดนโยบายของรัฐบาลในอนาคต

ศาลชี้ขาดพรุ่งนี้-ผลสะเทือน

คดีนี้หากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษากลับคำตัดสินของศาลชั้นต้น และให้คำสั่งของกระทรวงการคลังมีผลบังคับใช้ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะต้องรับภาระชดใช้เงินจำนวนมหาศาล ซึ่งอาจส่งผลต่อการบริหารจัดการทรัพย์สินของเธอและครอบครัว 

ในทางตรงข้าม หากศาลยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ก็อาจกลายเป็น บรรทัดฐานสำคัญที่กำหนดขอบเขตความรับผิดของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในโครงการนโยบายสาธารณะ

ความเคลื่อนไหวล่าสุด 

แหล่งข่าวจากสำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร ระบุว่า หากศาลมีคำพิพากษาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้เงินตามคำสั่งเดิม สำนักงานบังคับคดีเตรียมดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินที่ยังไม่พ้นกรรมสิทธิ์โดยชอบของผู้ถูกกล่าวหาไว้ทันที รวมถึงอาจขยายผลไปยังทรัพย์สินในต่างประเทศ หากพบพยานหลักฐานเกี่ยวข้อง

สรุปคดีในภาพรวม :

  • มูลค่าความเสียหายที่อ้าง : 35,717,273,028 บาท
  • ผู้ฟ้อง : น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายอนุสรณ์ อมรฉัตร
  • ผู้ถูกฟ้อง : นายกรัฐมนตรี, รมว.คลัง, ปลัดกระทรวง, อธิบดีกรมบังคับคดี ฯลฯ
  • ศาลปกครองกลาง : เพิกถอนคำสั่งชดใช้
  • ศาลปกครองสูงสุด : นัดอ่านคำพิพากษา 22 พ.ค. 2568 เวลา 13.30 น.