KEY
POINTS
หลังแยกทางจากพลังประชารัฐ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ปั้น “พรรคกล้าธรรม” จากฐานท้องถิ่นภาคเหนือ สู่การเป็นพรรคขนาดกลางทางเลือกใหม่ เดินหมากเงียบกำลังสร้างแรงสะเทือนในสมรภูมิการเมืองระดับชาติ
จากอดีตมือประสานผลประโยชน์ใน “รัฐบาลประยุทธ์” สู่ผู้นำพรรคการเมืองในนาม “กล้าธรรม” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ใช้เวลาเพียงไม่ถึงปีหลังจากเปิดตัวพรรค ก็สามารถขยับสถานะจาก “พรรคเล็กในสายตาคนเมือง” มาเป็น “พรรคทรงอิทธิพล” ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและภาคกลางตอนล่าง
กล้าธรรมเริ่มต้นจากการปักหลักที่จังหวัดพะเยา ฐานที่มั่นของ ร.อ.ธรรมนัส ด้วยเครือข่ายระดับ อบจ. เทศบาล อบต. ที่เหนียวแน่นจากอดีต สส. และกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่กว่า 10 จังหวัด เขาใช้วิธี “ลงลึก” มากกว่าการทำการตลาดทางการเมือง
“เราไม่ขายแบรนด์ เราขายการทำงานจริง” คือคำที่ ร.อ.ธรรมนัส มักใช้ตอบคำถามสื่อถึงพรรคของเขา
จากข้อมูลภายในพรรค ขณะนี้มีกลุ่มผู้สมัครเตรียมลงสมัคร สส. ครบ 77 จังหวัด โดยเน้นฐานสำคัญ 3 ภาคคือ ภาคเหนือ, ภาคกลางตอนล่าง และ ภาคอีสานตอนบน (ฝั่งจังหวัดติดลุ่มน้ำยมและโขง)
แม้ไม่ส่งเสียงดังในรัฐสภา แต่ “พรรคกล้าธรรม” เริ่มเข้าไปมีบทบาทสำคัญในเกมอำนาจหลังฉาก ไม่ว่าจะเป็นการร่วมจัดทีมผู้สมัครวุฒิสภาในพื้นที่ภาคเหนือ การเข้าไปมีบทบาทในเวทีเจรจาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล และการเดินสายพบแกนนำพรรคต่าง ๆ ทั้งฝั่งรัฐบาลและฝ่ายค้าน
ที่สำคัญคือ ร.อ.ธรรมนัส เลือกวางตัวกลางทางการเมือง ไม่ผูกพันกับขั้วใดชัดเจน พร้อมเปิดกว้างเจรจากับทุกฝ่ายหากเกิดการเปลี่ยนขั้วในอนาคต
“กล้าธรรมไม่ใช่พรรคฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เราเป็นพรรคที่อยู่กับประชาชน” ร.อ.ธรรมนัสกล่าวในเวทีพบประชาชน จ.แพร่
ในขณะที่พรรคใหญ่ยังติดหล่มความขัดแย้งภายใน หรือ สูญเสียความเชื่อมั่นจากประชาชน “พรรคกล้าธรรม” กลับเดินหน้าเงียบๆ ด้วยการส่งทีมงานไปฝังตัวตามเขตต่าง ๆ พร้อมปลุกเครือข่ายระดับหมู่บ้าน โดยมุ่งหมายใช้ช่วงเวลานี้ วางรากฐานก่อนเลือกตั้งใหญ่ ที่อาจเกิดขึ้นเร็วหากสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนกะทันหัน
นอกจากนี้ พรรคยังเดินเกม “ส่งสัญญาณ” ว่าอาจร่วมตั้งรัฐบาลได้กับทุกขั้ว หากมีเสียงเพียงพอ ซึ่งทำให้หลายพรรคเริ่มเปิดช่องการเจรจาไว้ล่วงหน้า
แม้จะยังไม่มีเสียงข้างมากในสภา แต่ “กล้าธรรม” กำลังกลายเป็น “ตัวแปร” ที่อาจพลิกสมดุลการเมืองไทย หากเกิดการยุบสภา หรือเปลี่ยนขั้วอำนาจในอนาคต
การเดินเกมแบบ “ไม่ประจันหน้า” แต่แฝงพลังเงียบของ ร.อ.ธรรมนัส กำลังพิสูจน์ว่า พรรคเล็กในวันนี้ อาจเป็นพรรคชี้ขาดในวันเลือกตั้ง
หากการเมืองไทยกำลังมองหาทางเลือกใหม่ พรรคกล้าธรรมอาจไม่ใช่แค่ “ทางเลือก” แต่อาจกลายเป็น “พลังต่อรอง” ที่กำหนดอนาคตรัฐบาลชุดหน้า