“กล้าธรรม”พรรคใหม่ที่ไม่ควรมองข้าม

17 พ.ค. 2568 | 10:15 น.
อัปเดตล่าสุด :17 พ.ค. 2568 | 10:26 น.

หลังแยกทางกับพลังประชารัฐ ร.อ.ธรรมนัส นำพรรคกล้าธรรม สู่การเป็นพรรคขนาดกลาง ที่อาจกลายเป็นตัวแปรใหม่ ที่อาจเขย่าโฉมหน้าการเมืองไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า

KEY

POINTS

 

  • พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส ใช้เครือข่ายท้องถิ่น เช่น อบจ., เทศบาล, กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน วางรากฐานพรรคอย่างแน่นหนา และไม่เน้นการตลาดการเมือง แต่เน้นการลงพื้นที่จริง
  • แม้จะไม่โดดเด่นในรัฐสภา แต่กล้าธรรมเริ่มมีบทบาทสำคัญในฉากหลัง ทั้งสร้างความสัมพันธ์กับพรรคการเมืองทุกขั้ว โดยเลือกวางตัวเป็นกลาง 
  • เริ่มแรกดูเป็นพรรคขนาดเล็ก แต่กล้าธรรมกำลังกลายเป็น “พลังเงียบ” ที่อาจมีอิทธิพลต่อการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ หากมีการยุบสภา เตรียมผู้สมัครครบ 77 จังหวัด และเดินเกมเจรจาทางการเมืองอย่างรอบคอบ
     

หลังแยกทางจากพลังประชารัฐ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ปั้น “พรรคกล้าธรรม” จากฐานท้องถิ่นภาคเหนือ สู่การเป็นพรรคขนาดกลางทางเลือกใหม่ เดินหมากเงียบกำลังสร้างแรงสะเทือนในสมรภูมิการเมืองระดับชาติ 

จากอดีตมือประสานผลประโยชน์ใน “รัฐบาลประยุทธ์” สู่ผู้นำพรรคการเมืองในนาม “กล้าธรรม” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ใช้เวลาเพียงไม่ถึงปีหลังจากเปิดตัวพรรค ก็สามารถขยับสถานะจาก “พรรคเล็กในสายตาคนเมือง” มาเป็น “พรรคทรงอิทธิพล” ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและภาคกลางตอนล่าง

กล้าธรรมเริ่มต้นจากการปักหลักที่จังหวัดพะเยา ฐานที่มั่นของ ร.อ.ธรรมนัส ด้วยเครือข่ายระดับ อบจ. เทศบาล อบต. ที่เหนียวแน่นจากอดีต สส. และกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่กว่า 10 จังหวัด เขาใช้วิธี “ลงลึก” มากกว่าการทำการตลาดทางการเมือง

“เราไม่ขายแบรนด์ เราขายการทำงานจริง” คือคำที่ ร.อ.ธรรมนัส มักใช้ตอบคำถามสื่อถึงพรรคของเขา

จากข้อมูลภายในพรรค ขณะนี้มีกลุ่มผู้สมัครเตรียมลงสมัคร สส. ครบ 77 จังหวัด โดยเน้นฐานสำคัญ 3 ภาคคือ ภาคเหนือ, ภาคกลางตอนล่าง และ ภาคอีสานตอนบน (ฝั่งจังหวัดติดลุ่มน้ำยมและโขง)

แม้ไม่ส่งเสียงดังในรัฐสภา แต่ “พรรคกล้าธรรม” เริ่มเข้าไปมีบทบาทสำคัญในเกมอำนาจหลังฉาก ไม่ว่าจะเป็นการร่วมจัดทีมผู้สมัครวุฒิสภาในพื้นที่ภาคเหนือ การเข้าไปมีบทบาทในเวทีเจรจาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล และการเดินสายพบแกนนำพรรคต่าง ๆ ทั้งฝั่งรัฐบาลและฝ่ายค้าน

ที่สำคัญคือ ร.อ.ธรรมนัส เลือกวางตัวกลางทางการเมือง ไม่ผูกพันกับขั้วใดชัดเจน พร้อมเปิดกว้างเจรจากับทุกฝ่ายหากเกิดการเปลี่ยนขั้วในอนาคต

“กล้าธรรมไม่ใช่พรรคฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เราเป็นพรรคที่อยู่กับประชาชน” ร.อ.ธรรมนัสกล่าวในเวทีพบประชาชน จ.แพร่ 

ในขณะที่พรรคใหญ่ยังติดหล่มความขัดแย้งภายใน หรือ สูญเสียความเชื่อมั่นจากประชาชน “พรรคกล้าธรรม” กลับเดินหน้าเงียบๆ ด้วยการส่งทีมงานไปฝังตัวตามเขตต่าง ๆ พร้อมปลุกเครือข่ายระดับหมู่บ้าน โดยมุ่งหมายใช้ช่วงเวลานี้ วางรากฐานก่อนเลือกตั้งใหญ่ ที่อาจเกิดขึ้นเร็วหากสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนกะทันหัน

นอกจากนี้ พรรคยังเดินเกม “ส่งสัญญาณ” ว่าอาจร่วมตั้งรัฐบาลได้กับทุกขั้ว หากมีเสียงเพียงพอ ซึ่งทำให้หลายพรรคเริ่มเปิดช่องการเจรจาไว้ล่วงหน้า

แม้จะยังไม่มีเสียงข้างมากในสภา แต่ “กล้าธรรม” กำลังกลายเป็น “ตัวแปร” ที่อาจพลิกสมดุลการเมืองไทย หากเกิดการยุบสภา หรือเปลี่ยนขั้วอำนาจในอนาคต

การเดินเกมแบบ “ไม่ประจันหน้า” แต่แฝงพลังเงียบของ ร.อ.ธรรมนัส กำลังพิสูจน์ว่า พรรคเล็กในวันนี้ อาจเป็นพรรคชี้ขาดในวันเลือกตั้ง

หากการเมืองไทยกำลังมองหาทางเลือกใหม่ พรรคกล้าธรรมอาจไม่ใช่แค่ “ทางเลือก” แต่อาจกลายเป็น “พลังต่อรอง” ที่กำหนดอนาคตรัฐบาลชุดหน้า