วันนี้ 17 ก.ค. 67 “ศาลแพ่ง” ได้มีคำสั่งให้ “กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)” และ “กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.)” เลิกการชุมนุมที่บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ ภายใน 7 วัน โดยชี้ว่าการชุมนุมนี้ทำให้ประชาชนและนักศึกษาได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
คำสั่งศาลแพ่ง ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้งได้ยื่นคำร้องให้ยกเลิกการชุมนุม ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. 2567 โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้กางเต็นท์และปลูกต้นไม้บนฟุตบาทและถนน ทำให้มีช่องทางจราจรเพียง 2 ช่องทางจากที่ควรจะเป็น 4 ช่องทาง
นอกจากนี้ยังมีการตั้งเต็นท์ปิดบังป้ายรถประจำทาง และส่งกลิ่นเหม็นจากรถสุขาเคลื่อนที่ ซึ่งทำให้การเดินทางและการเรียนการสอนของนักศึกษาได้รับผลกระทบอย่างมาก
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนครพยายามเจรจาแก้ไขปัญหากับกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จึงต้องยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้หยุดการชุมนุม การชุมนุมที่มีระยะเวลานานกว่า 5 เดือน
ถือเป็นการใช้สิทธิเกินสมควรและไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนตาม พ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 มาตรา 15 (2) และ 16 (1) จึงมีคำสั่งให้หยุดการชุมนุมภายใน 7 วันนับจากวันที่ศาลมีคำสั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับจุดที่ 2 กลุ่มผู้ชุมนุมปักหลักชุมนุมมานานกว่า 5 เดือนนั้น ตั้งอยู่ด้านหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต กทม. ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของสน.นางเลิ้ง ที่มีส่วนราชการหลายหน่วยงานอยู่บริเวณน้้น อาทิ ทำเนียบรัฐบาล สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) สำนักงานข้าราชการพลเรือน(เดิม) สำนักงาน ปปช.(เดิม)
รวมทั้งตรงข้ามกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เป็นที่ทั้งของโรงเรียนราชวินิตมัธยม และมีโรงเรียนวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหารอยู่ในระแวกดังกล่าว
ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการชุมนุมคดีของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.)ร่วมกับกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน(ศปปส.)ที่จัดการชุมนุมค้างคืนที่บริเวณเชิงสะพาน ชมัยมรุเชษฐ์ ถนนพิษณุโลกแขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร กับขอให้ศาลมีคำสั่งให้กลุ่มผู้ชุมนุม
รื้อถอนเต็นท์ที่ปิดทับช่องจราจรและป้ายรถโดยสารประจำทางมีคำสั่งให้กลุ่มผู้ชุมนุมเปิดช่องทางการจราจรบนถนนพิษณุโลกเพิ่มหนึ่งช่องทางจากที่ปิด 2 ช่องทางกับให้กลุ่มผู้ชุมนุมหยุดกิจกรรมชุมนุมในวันที่ 29 ก.ค.2567
พิเคราะห์พยานหลักฐานของผู้ร้องแล้วมีคำสั่งในวันนี้ว่า เห็นว่า การที่กลุ่มผู้ชุมนุมผู้ถูกร้องทำการชุมนุมโดยกางเต็นท์และปลูกต้นไม้บนฟุตบาทและผิวจราจร 2 ช่องทางตลอดแนวบนถนนพิษณุโลก ตั้งแต่หน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ถึงแยกพาณิชยการพระนคร ทำให้เหลือช่องจราจร 2 ช่องทาง ตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.2567 ต่อเนื่องถึงปัจจุบันเป็นเวลานานกว่า 5 เดือน
เป็นเหตุให้อาจารย์ เจ้าหน้าที่และนักศึกษาได้รับความเดือดร้อนในการเข้าออกมหาวิทยาลัยกลุ่มผู้ชุมนุมยังปราศรัยเสียงดังรบกวน การเรียนการสอน ตั้งเต็นท์ปิดบังป้ายรถประจำทาง
ที่ผ่านมากกว่า 10 ปี มีกลุ่มผู้ชุมนุมหลายกลุ่ม ทางมหาวิทยาลัยไม่มีปัญหา แต่ครั้งนี้นักศึกษาต้องขึ้นรถประจำทางกลางถนน ไม่ปลอดภัย มหาวิทยาลัยพยายามนัดเจรจาแต่กลุ่มผู้ชุมนุมหลีกเลี่ยงไม่มาพบ กลุ่มผู้ชุมนุมมีรถสุขาเคลื่อนที่ 2 คัน ส่งกลิ่นเหม็นเข้ามาภายในบริเวณมหาวิทยาลัยฯต่อมามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร
จึงมีหนังสือถึงผู้ร้อง ขอให้แก้ปัญหาจากการปักหลักชุมนุมตามหนังสือฉบับลงวันที่ 27 มิ.ย.2567 บุคลากร นักศึกษาให้ข้อมูลผลกระทบจากการไม่มีป้ายรถประจำทางไม่มีที่หลบแดด หลบฝนและนักศึกษา 701คนรวมตัวกันลงลายมือชื่อเป็นผู้ได้รับเดือดร้อน เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการชุมนุมสาธารณะที่เป็นการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนและนักศึกษาที่จะใช้ถนนสาธารณะ ก่อให้เกิดความไม่สะดวกแก่ประชาชนและนักศึกษา ที่จะใช้ที่สาธารณะได้รับความเดือดร้อนเกินที่พึงคาดหมายได้ว่าเป็นไปตามเหตุอันควรตาม พรบ.การชุมนุมสารารณะ พ.ศ. 2558 มาตรา 15 (2) และ 16 (1)
ผู้ร้องในฐานะเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสารารณะได้แจ้งประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมผู้ถูกร้องแก้ไขรวมถึง 4 ครั้งแต่เพิกเฉย ผู้ร้องชอบที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเลิกการชุมนุมได้ตาม พรบ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 มาตรา 21 วรรคสอง ตามพฤติการณ์ที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ชุมนุมบนฟุตบาทและถนนสาธารณะมานานกว่า 5 เดือน นับว่าผู้ชุมนุมได้ใช้เสรีภาพแสดงความคิดเห็นของตนอย่างเพียงพอแล้ว เมื่อการชุมนุมได้ส่ง
ผลกระทบต่อการเรียน การสอนและความปลอดภัยในการเดินทางของนักศึกษา การชุมนุมนานไปกว่านี้ถือเป็นการเอาแต่ใช้สิทธิของกลุ่มตนเกินสมควรไปมาก โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนคนอื่น จึงเห็นควรมีคำสั่งให้กลุ่มผู้ชุมนุมตามคำร้องเลิกการชุมนุมสาธารณะตาม พรบ.การชุมนุมสารารณะ พ.ศ. 2558 มาตรา 22 จึงมีคำสั่งให้กลุ่มผู้ชุมนุมตามคำร้องเลิกการชุมนุมสาธารณะภายในเวลา 7 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งเป็นต้นไป