เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท นโยบายเรือธงของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ เดินมาถึงทางสองแพร่ง (อีกครั้ง) และอาจเลวร้ายที่สุด นายกรัฐมนตรีต้องยุบสภา-ลาออก
วันนี้ การประชุมสภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 พ.ศ. .... วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท หรือ งบเงินดิจิทัลวอลเล็ต เพิ่มเติม จำนวน 6 มาตรา ประกอบด้วย
มาตรา 1 พ.ร.บ.นี้เรียกว่า “พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 พ.ศ. ....”
มาตรา 2 พ.ร.บ.นี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ให้ตั้งเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 122,000,000,000 บาท จำแนกเป็นรายจ่ายตามที่จะระบุต่อไปในพ.ร.บ.นี้
มาตรา 4 งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมงบกลาง ให้ตั้งเป็นจำนวน 122,000,000,000 บาท จำแนกดังนี้
มาตรา 5 ให้กระทรวงการคลังมีอำนาจสั่งจ่ายเงินแผ่นดิน ตามรายการและจำนวนเงินที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.นี้ หรือตามที่สำนักงบประมาณจะได้จัดสรร หรือตามที่จะได้มีการโอนเปลี่ยนแปลงตามกฎหมาย
มาตรา 6 ให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพ.ร.บ.นี้
ทั้งนี้ เหตุผลและความจำเป็นของการเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายงบกลาง เนื่องจากเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมไว้ให้แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานของรัฐที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินมาตรการเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายเม็ดเงินไปในพื้นที่ต่าง ๆ และเพื่อรักษาระดับการบริโภคและการลงทุนในประเทศ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ประชาชนในการดำรงชีพและประกอบอาชีพ อีกทั้งยังเป็นการรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ จึงจำเป็นต้องเสนอเป็นภาพรวมไว้ในงบกลาง
ขณะที่ประมาณการเงินที่พึงได้มาสำหรับจ่ายตามงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567
ทั้งนี้ กรอบวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณสูงสุดที่รัฐบาลกู้ได้ในปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ตามพ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 21 จะมีจำนวยรวมทั้งสิ้น 815,056 ล้านบาท ซึ่งตามพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 และงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 จะมีการขาดดุลงบประมาณ รวมจำนวน 805,000 ล้านบาท ดังนั้น จึงยังมีกรอบวงเงินกู้คงเหลืออีก 10,056 ล้านบาท
ร่างพ.ร.บ.งบรายจ่ายเพิ่มเติมปี 67 สำหรับ “เงินดิจิทัลวอลเล็ต” ถือเป็น “กฎหมายการเงิน” ดังนั้นหากที่ประชุมสภาในวันนี้ลงมติ “ไม่เห็นชอบ” ตามธรรมเนียม-ประเพณีการปกครองรัฐบาลต้องแสดงสปิริต “ลาออก” หรือ “ยุบสภา”
ในอดีตรัฐบาลที่ผ่านมาที่ “กฎหมายสำคัญ” ของรัฐบาลที่ไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภา นายกรัฐมนตรีต้องยุบสภา-ลาออก 5 ครั้ง
ทว่ารัฐบาลนายเศรษฐาปัจจุบันมีทั้งหมด 314 เสียง โดยมี “พรรคร่วมหลัก 6 พรรค ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย 141 เสียง พรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 40 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง
ส่วน 314 เสียงจะเหนียวแน่นหรือไม่ รอวัดใจ 6 พรรคการเมือง-พรรคร่วมรัฐบาลหลัก