พิชิต ชื่นบาน เปิดใจ หลังลาออกรัฐมนตรี ย้ำ ตัวเบา-ไม่มีใครกดดัน

21 พ.ค. 2567 | 09:29 น.

พิชิต ชื่นบาน เปิดใจลาออก รัฐมนตรี ไม่มีแรงกดดัน ย้ำ ตัวเบา เปรย อยู่ให้คนรัก-จากให้คนคิดถึง ปิดฉาก องครักษ์พิทักษ์เศรษฐา

วันนี้ (21 พฤษภาคม 2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงเหตุผลในการเปลี่ยนใจลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า เหตุผลอยู่ในใบลา ไม่มีแรงกดดัน ไม่มีอะไร สบาย ๆ ชื่นบาน ๆ  ไม่มีใครกดดันเลย ก็บอกแล้วว่า ตัวเบาหวิว อยู่ให้คนรัก จากให้คนคิดถึง 

องครักษ์พิทักษ์เศรษฐา

วันเดียวกันเมื่อช่วงเช้า ก่อนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายพิชิตให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการลาออกก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำร้องของ 40 สว.ว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ในวันที่ 23 พ.ค.นี้ ว่า ในฐานะที่ตนทำงานอย่างมืออาชีพ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไม่ได้ผิดอะไร มาเอาเรื่องทำไม นายเศรษฐาไม่ได้ทำอะไรผิดไปจากนายกรัฐมนตรีคนอื่นในอดีต 

“ไปเอาผิดท่านนายกฯเศรษฐาท่านทำไม ท่านตั้งใจทำงาน ผมอยู่ตรงนี้ ผมพูดไม่อาย ผมเป็นองครักษ์พิทักษ์นายกฯ และผมก็เป็นองครักษ์พิทักษ์หลายนายกฯมาแล้ว เราเอาความจริงมาพูดกัน ไม่มีวาระซ่อนเร้นทางการเมือง ท่านนายกฯทำตามกระบวนการ ขั้นตอนของกฎหมาย

พิชิต ชื่นบาน เปิดใจ หลังลาออกรัฐมนตรี ย้ำ ตัวเบา-ไม่มีใครกดดัน

ผมมีอภิสิทธิ์อะไร ไม่ได้มาเพราะท่านคนนั้น ท่านคนนี้ มาเพราะสติปัญญาผม มาเพราะผมมีสมอง สมองที่จะทำงาน ถ้าผมทำผิด ทำชั่ว ผมไม่มายืนอยู่จุดนี้ ไม่ควรเอาเรื่องใด ๆ กับท่านนายกฯเศรษฐา ขอโอกาสให้ท่านนายกฯเศรษฐาได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะหัวหน้าผู้บริหารราชการแผ่นดิน”นายพิชิตกล่าว

“ผมวิงวอน ขอให้ท่านนายกฯเศรษฐาทำงาน ท่านไม่ได้ทำผิดอะไร”นายพิชิตกล่าวย้ำพร้อมกับยกมือไหว้ท่วมหัว

แจงข้อข้อกฎหมาย

นายพิชิตกล่าวว่า ประเด็นจริยธรรม มีคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นบรรทัดฐานแล้ว ถ้ากฎหมายเป็นกฎหมาย บ้านเมืองมีหลักนิติธรรม ต้องดูว่าอยู่ช่องไหน

“ผมต้องขอขอบคุณ 40 สว. และผมขออโหสิกรรม ผมชอบใจมาก เพราะสิ่งที่ผมถูกกระทำ ชีวิตผมนับตั้งแต่ถูกกระทำเมื่อปี 51 ผมโหยหาความยุติธรรมมาทั้งชีวิต การที่ผมได้มีโอกาส ผมถูกติดสิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีผมควรเป็นกรณีศึกษาว่าคนไทยเหมือนกัน แต่ถูกศาลเดียวตัดสินแล้วจบเลย นี่คือความขมขื่นในใจผม ผมไม่ได้โกรธอะไร 40 สว.เลย ต้องขอบคุณที่ให้โอกาสผม 

พิชิต ชื่นบาน เปิดใจ หลังลาออกรัฐมนตรี ย้ำ ตัวเบา-ไม่มีใครกดดัน

ผมมั่นใจว่า หลักนิติธรรมของความเป็นธรรมที่ศาลรัฐธรรมนูญมีจริง ผมไม่หวั่นไหว เรียนกฎหมายรู้ ดูกฎหมายเป็น เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร ผมรอจังหวะยิงลูกนี้มานานแล้ว แล้วอยากจะดูคำตัดสินให้เป็นบรรทัดฐาน ถ้าศาลรัฐธรรมนูญได้ยึดหลักนิติธรรมแล้วพิจารณาข้อเท็จจริงในคดีใหม่ จะเป็นโอกาสชีวิตผมที่จะ declare ชีวิตผม ถ้ามีตรงไหนว่า ผมหิ้วถุงเงิน 2 ล้านบาท ผมลาออกวันนี้เลย ไม่ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย”นายพิชิตกล่าว

นายพิชิตกล่าวว่า ประเทศไทยเป็นระบบประมวลกฎหมาย ถ้าไม่มีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจย่อมไม่มีอำนาจ การไต่สวนวิธีพิจารณาเรื่องละเมิดอำนาจศาลใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นหลัก ในคดีอาญาใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเป็นหลัก อะไรที่กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่บัญญัติไว้ก็ให้กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม เช่นกัน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่เคยบัญญัติว่า ให้เอาประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นกฎหมายสาระบัญญัติให้มาใช้ในการพิจารณาพิพากษาคดี 

“ไม่มี ถ้ามีผมก็ลาออกวันนี้อีก ผมติดใจเรื่องประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 มาทั้งชีวิต ตั้งแต่ 51นี่คือความเก็บกดที่ผมโหยหาความยุติธรรม”นายพิชิตกล่าว

ไม่หวั่นไหว-เข้าทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์

นายพิชิตกล่าวว่า ประการที่สอง ในคำสั่งศาลฎีกามีคำว่า “ผมน่าจะรู้” น่าจะก็ขังแล้ว คนคาใจ คดีอาญา “น่าจะ” คือ มีข้อสงสัย ต้องยกประโยชน์ให้จำเลย อันนี้คดีแพ่ง น่าจะก็ขังแล้ว และขังเต็มพิกัด 6 เดือน 

“วันนี้ ผมจะอยู่หรือจะไป ผมไม่ได้ยึดติดอะไร ผมต่อสู้เพื่อกระบวนการยุติธรรม ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในชีวิตผม ผมถึงบอกว่า ผมขอขอบคุณ 40 สว. เข้าทางผมครับ ถ้าไปศาลรัฐธรรมนูญ ผมชอบ ถามอะไรผมตอบได้ทุกประเด็น”นายพิชิตกล่าว

นายพิชิตกล่าวว่า เรื่องจริยธรรม อธิบายง่าย คือ วินัย คนรับราชการ เมื่อเริ่มรับราชการวินัยจะจับทันที เมื่อได้บรรจุรับเข้ารับราชการ เมื่อพ้นราชการ หรือ ก่อนเป็นราชการ วินัยไม่จับ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็เช่นกัน

“เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต วัดกันตรงไหน ถามกฤษฎีกาก็ตอบไม่ได้ มีคนตั้งข้อสังเกตทำไมไม่ถามกฤษฎีกา เหมือนมีการปิดบัง ซ่อนเร้นจะช่วย ถามไปก็ตอบไม่ได้ว่า พิชิต ชื่นบาน ซื่อสัตย์สุจริต ถ้าเป็นปัญหาข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ และสิ่งที่ผมโดนคำสั่งศาล ใช้คำว่า น่าจะ มันประจักษ์แค่ไหน”นายพิชิตกล่าว

ท้าดวล 40 สว.เรียงตัว-วงจรอุบาทว์

นายพิชิตกล่าวว่า มีคำพิพากษาศาลฎีกามากมายว่า โทษที่ตนได้รับเป็นมาตรการทางแพ่ง เป็นเรื่องของความสงบเรียบร้อยบริเวณศาล ไม่ถือเป็นการกระทำผิดทางอาญา และกฤษฎีกาก็วินิจฉัยทำนองเดียวกันกับคำพิพากษาศาลฎีกาว่า เป็นโทษตามคำสั่ง คำสั่งกับคำพิพากษาต่างกัน คำอธิบายของกฤษฎีกาบอกว่า ยกเว้นคำสั่ง หมายความว่า ตนมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามการเป็นรัฐมนตรี 

พิชิต ชื่นบาน เปิดใจ หลังลาออกรัฐมนตรี ย้ำ ตัวเบา-ไม่มีใครกดดัน

“มันเป็นวาระ วงจรอุบาทว์ ท่านบริหารประเทศอยู่ดีๆ แล้วมาทำเกิดการกระทำแบบนี้ให้ผู้นำประเทศต้องหลุดจากตำแหน่งโดยวิธีการ ผมมีเพื่อนในสว. รู้รายละเอียด การกระทำ ผมขอความเป็นธรรม ผมพูดดี ๆ นะ ก่อนจะยื่น ผมรู้ มีพฤติกรรมอย่างไร คนของใคร ทำอะไร ผมขอไม่พูด”นายพิชิตกล่าว

นายพิชิตกล่าวว่า ประเด็นที่สาม สำคัญ ที่เป็นข่าวลือว่าตนจะลาออก ตัวเบาตั้งแต่วันแรก และไม่ยึดติดผลประโยชน์ของตน ยึดมั่นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 164 คนที่เป็นรัฐมนตรีต้องซื่อสัตย์สุจริต คำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ ตนมาทำงาน ไม่ได้มาโกง ทำงานไม่เคยหยุด

“คำตอบแก้วงจรอุบาทว์ คือ ถ้าพิชิตลาออกแล้วทุกอย่างจบ ผมจะทำให้พ่อแม่พี่น้องทั้งประเทศ ผมพูดกลางแดด ต่อหน้าพระสยามเทวาธิราช องคาพยพขององค์กรยุติธรรมไปคิดมา โจทย์ที่ทำให้เกิดวงจรอุบาทว์ แล้วบอกให้พิชิตลาออกแล้วจบปัญหา ประเทศเดินหน้าได้ พรุ่งนี้ วันนี้ มะรืนนี้ เดือนนี้ เดือนไหน พร้อม”นายพิชิตกล่าว 

นายพิชิตตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่า ทั้งหมดเป็นเกมการเมืองที่ต้องการล้มนายเศรษฐาใช่หรือไม่ว่า “แน่นอน”

“ตอนนี้ผมเป็นองครักษ์พิทักษ์ท่านนายกฯ เศรษฐา มาดวลกับพิชิตคนเดียว 40 สว. เข้าทีละคน มาชี้แจงกับผม ลงชื่อไปยังไม่รู้เรื่องเลยว่า เรื่องอะไร เหตุผลหลายประการ ไอ้พิชิตจะมารื้อฟื้นโครงการจำนำข้าวบ้าง เหตุผลไม่ได้เกี่ยวกับคุณสมบัติต้องห้ามของผมเลย ผมรู้ ผมรู้ว่ามีขบวนการ”นายพิชิตกล่าว