วันนี้ (3 เมษายน 2567) ที่รัฐสภา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ลุกขึ้นชี้แจงญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 กรณีการพักโทษนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
พ.ต.อ.ทวีชี้แจงว่า พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 เป็นกฎหมายที่รัฐบาลที่มีนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี และสภาชุดนี้ไม่ได้เป็นผู้ให้ความเห็นชอบ แต่ออกในสมัยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กรมราชทัณฑ์ รมว.ยุติธรรม และนายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจอยู่ในกฎหมายฉบับนี้ เนื่องจากการบริหารโทษทุกขั้นตอนไม่ให้มีการใช้ดุลพินิจ และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อนรัฐบาลนี้จะเข้ามาบริหารประเทศ
พ.ต.อ.ทวีชี้แจงว่า พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ มาตรา 53 ผู้ป่วยต้องส่งรักษา เจตนารมณ์ของกฎหมาย ไม่ให้รัฐมนตรียุติธรรม ไม่ให้กรมราชทัณฑ์มีดุลพินิจ แต่ให้ใช้ความเห็นชอบแพทย์ เมื่อแพทย์ส่งรักษาให้โรงพยาบาลสถานที่รักษาคือเรือนจำ ซึ่งเป็นกฎหมายและกฎกระทรวงที่นายจุรินทร์เห็นชอบ ไม่ได้คัดค้าน และ มาตรา 55 วรรคท้าย ภายใน 1 ปี ทุกคน ประมาณ 50,000 คน เมื่อออกจากเรือนจำ ไม่เคยหักวันที่ไปรักษาตัว หรือ ติดคุกเพิ่ม ขณะที่กฎกระทรวงฯออกตามมาตรา 33 และ มาตรา 34 ให้ออกระเบียบพักโทษ ไปอยู่โรงพยาบาลหรือสถานที่อื่น ยังถือว่ายังถูกลงโทษ ซึ่งกรมราชทัณฑ์ไม่ได้กำหนด แต่กฎหมายกำหนด
“การออกกฎหมายดังกล่าว ถ้าผมคิดจะกล่าวหา จะออกกฎหมายเพื่อขจัดคนอีกกลุ่มหนึ่งก็ได้ เพราะปกติการพักโทษ เขียนไว้ 1 ใน 3 แต่ สนช.ไปเพิ่มว่า ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน อะไรมากกว่าให้ใช้อันนั้น นักโทษจำนวนมาก ติดคุก 1 ปี บางคนติดคุก 8 เดือน ต้องเข้าเกณฑ์กฎหมายดังกล่าว ถ้าติด 6 เดือน ไม่ได้พักโทษ ไม่ได้รับประโยชน์เลย ท่านทักษิณติดคุก 1 ปี ต้องอยู่ 6 เดือน คนที่ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตและต้องลดโทษตัดสิน 8 ปี 9 ปี ได้พักโทษ อยากให้ฟังความให้รอบด้าน อย่าใช้อคติในการอภิปราย”พ.ต.อ.ทวีชี้แจงทิ้งท้าย