เปิดโฉมกก.บห.ก้าวไกล ส่อเว้นวรรคการเมือง 10 ปี หากศาลสั่งยุบพรรค

12 มี.ค. 2567 | 07:37 น.

เปิดโฉม กก.บห.ก้าวไกล ส่อเว้นวรรคการเมือง 10 ปี หากศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์-ชัยธวัช ตุลาธน-ปดิพัทธ์ สันติภาดา”ติดร่างแห

วันนี้ (12 มี.ค. 67) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีมติเอกฉันท์ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกล โดยระบุว่า 

ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ 3/2567 เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 กรณี นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญว่า การกระทำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้องที่ 2) ที่เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. เพื่อยกเลิกประมวล กฎหมายอาญา มาตรา112  

โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ตาม มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญ หรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์วินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองเป็นการใช้สิทธิ หรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามมาตรา 49 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญนั้น

วันนี้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้เสนอผลการศึกษาและวิเคราะห์คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยเห็นว่า มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคก้าวไกลกระทำการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 

คณะกรรมการการเลือกตั้งได้พิจารณาผลการศึกษาและวิเคราะห์คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญแล้ว มีมติโดยเอกฉันท์ให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคก้าวไกล

โดยมอบหมายให้นายทะเบียนพรรคการเมือง (เลขาธิการ กกต.) เป็นผู้ยื่นคำร้อง และดำเนินคดีแทนคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตามมาตรา 93 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน                        

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ “ยุบพรรคก้าวไกล”  เบื้องต้น จะส่งผลให้กรรมการบริหาร พรรค(กก.บห.) ที่ดำรงตำแหน่งในช่วงที่มีพฤติการณ์ตามข้อกล่าวหา แก้ ม.112 อ้างอิงจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญนั้น มีจำนวน 11 คน ซึ่งเป็นชุดที่มี นายพิธา เป็นหัวหน้าพรรค (พ.ศ.2563-2566) และ และชุด นายชัยธวัช ตุลาธน เป็นหัวหน้าพรรค (พ.ศ.2566 รวมจำนวน  11 คน ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี ประกอบด้วย

1.พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค 2.ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค 3.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ เหรัญญิกพรรค 4.ณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตรตระกูล นายทะเบียนสมาชิกพรรค 5.ปดิพัทธ์ สันติภาดา กก.บห. สัดส่วนภาคเหนือ

6.นายสมชาย ฝั่งชลจิตร กก.บห. สัดส่วนภาคใต้ 7.อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กก.บห. สัดส่วนภาคกลาง 8.เบญจา แสงจันทร์ กก.บห. สัดส่วนภาคตะวันออก 9.อภิชาติ ศิริสุนทร กก.บห. สัดส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10.สุเทพ อู่อ้น กก.บห.พรรค สัดส่วนปีกแรงงาน 11.อภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์ กก.บห.พรรค สัดส่วนภาคเหนือ