ปชป. ซัด 6 เดือน รัฐบาลเศรษฐา สอบตก ขออย่าโยนให้แบงก์ชาติ 

24 ก.พ. 2567 | 03:58 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ก.พ. 2567 | 04:03 น.

“ชนินทร์” รองเลขาฯ ปชป. ชี้ 6 เดือน รัฐบาล ”เศรษฐา“ สอบตก ขออย่าโยนแบงก์ชาติ ประเทศมีปัญหาเศรษฐกิจไม่ใช่วิกฤติเศรษฐกิจ มองลดดอกเบี้ยรายใหญ่ได้ประโยชน์ก่อนรากหญ้า แนะปรับดิจิทัลวอลเล็ตเป็นแผนสอง

นายชนินทร์ รุ่งแสง รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อดีต ส.ส.กทม. และอดีตประธานกรรมาธิการ การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนผู้แทนราษฎร กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมามีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญต่างๆ ของสภาพัฒน์ฯ ซึ่งมีตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีที่ลดลง ในไตรมาสที่ 4 ของ ปี 66 เหลือเพียง 1.7% ทั้งปีโต 1.9% เป็นเรื่องที่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะเหตุการณ์เกิดในช่วงที่มีอำนาจเข้าบริหารประเทศแล้ว 

ซึ่งหากเจาะลึกดูรายละเอียดแล้ว มีตัวเลขที่เป็นบวกอยู่หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคของเอกชน การส่งออก การลงทุนยกเว้นส่วนที่รัฐบาลรับผิดชอบ คือ ตัวเลขเงินลงทุนภาครัฐที่ลดลง แม้จะแก้ตัวว่าเป็นเงื่อนไขเหตุการณ์ทางการเมือง ทำให้งบประมาณล่าช้า แต่รัฐบาลต้องรู้และเตรียมตัวเพราะว่าเข้ามาบริหารประเทศเกือบ 6 เดือนแล้ว ขอให้รัฐบาลตั้งสติ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี อย่ากังวลเรื่องนายกฯ เงา มากเกินไป และในรายละเอียดของรายงาน จะเห็นถึงปัญหาของเศรษฐกิจไทยที่ทำให้ตัวเลขการเจริญเติบโต ทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีที่ลดลง

ทั้งนี้ เชื่อว่า นโยบายการเงินจะได้รับการตอบสนองจากธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ แบงก์ชาติ เร็วๆ นี้ โดยการเริ่มต้นลดดอกเบี้ย แต่ไม่ควรคาดหวังผลระยะสั้น 3 เดือน หรือ 6 เดือนนี้ เพราะการลดดอกเบี้ยได้ผลจริงๆ ก็ควรจะไม่ต่ำกว่า 50 สตางค์ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ในระยะสั้นนี้ พร้อมมองว่า หากแบงก์ชาติยอมลดดอกเบี้ยจริง ผู้ประกอบการรายใหญ่จะได้ประโยชน์ทันที ส่วนรายย่อยต้องรอ เพราะผู้ให้กู้มองความเสี่ยงเหมือนเดิม 

ดังนั้น นายกรัฐมนตรี ต้องมีสมาธิใช้สำนึกความรับผิดชอบ ความรู้ความสามารถ และอำนาจในมือแก้ปัญหาได้ เพราะการลดดอกเบี้ย ไม่ใช่ทางเดียวที่ใช้แก้ปัญหาได้ อีกรัฐบาล อย่าพยายามโยนบาปให้แบงก์ชาติอีกเลย ในเรื่องการลดดอกเบี้ย 

โดยสิ่งที่เหลือ คือ อำนาจรัฐบาลที่จะเร่งคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องผ่อนปรน LTV หรือ หลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาได้ และนโยบายการคลัง ซึ่งไม่ใช่เรื่องงบประมาณอย่างเดียว ยังมีเรื่องอื่น ทั้งเรื่องของภาษีต่างๆ ซึ่งอำนาจอยู่ที่รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการให้สอดคล้องกัน

อย่างไรก็ตาม ชัดเจนว่า ผลของตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมาไม่ดีเป็นผลจากการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ที่ผิดพลาด โดยเฉพาะเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ดีกว่านี้ ทั้งที่ปัจจัยบวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว การส่งออก การลงทุน การบริโภคดีขึ้น อัตราการว่างงานต่ำที่สุดในช่วง 32 ไตรมาส 

ขณะเดียวกัน ขอเสนอแนะนายกรัฐมนตรี ให้ เบา 2 เรื่อง ได้แก่ 

  • เบาๆ เรื่องเดินสายต่างประเทศ ควรอยู่ในประเทศ ตามงานต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อน
  • ควรเบาๆ เดินสายตัดริบบิ้นเปิดงานซอฟต์พาวเวอร์ ที่ไม่รู้จะได้ผลเมื่อไหร่ ตัวชี้วัดคืออะไร หลังล่าสุดมีการอนุมัติงบประมาณถึง 5,000 ล้านใช้ในโครงการนี้ 

 

ส่วนเรื่องที่อยากให้นายกรัฐมนตรี ดำเนินการเร่งด่วน 3 เร่ง ได้แก่

  • เร่งการใช้จ่ายงบประมาณที่ต้องเร่งรัด แต่ไม่รั่วไหล 
  • เร่งดูแลกลุ่มคนรายได้น้อย โดยเฉพาะเรื่องค่าของชีพ
  • เร่งปฏิรูปปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อการแข่งขัน ในอนาคตต่อไปของประเทศ

นอกจากนี้ เรื่องสำคัญ ในประเด็นดิจิทัลวอลเล็ต ที่ยังมีความไม่แน่นอน กลับไปกลับมา และต้องมีคณะกรรมการพิจารณาเรื่องที่เหมือนจะเป็นเรื่องเดิมที่เคยพิจารณามาแล้ว ถือเป็นการนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง จึงขอแนะนำให้ปรับไปอยู่ในแผนสองได้แล้ว ไม่เช่นนั้น ประเทศ ประชาชน จะเดือดร้อนในระยะสั้น 3 เดือน 6 เดือนนี้แน่นอน หากมีความไม่แน่นอนต่อไป ชาวรากหญ้าตายก่อนอาจต้องเปลี่ยนจากแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต เป็นแบงก์กงเต็ก เผาให้ใช้ชาติหน้าแทน