"เฉลิมชัย ศรีอ่อน" เคลียร์ชัด ปมโดนโยงเป็นญาติ "เฮียเก้า" เอี่ยวหมูเถื่อน

12 ม.ค. 2567 | 08:18 น.

"เสี่ยต่อ-เฉลิมชัย ศรีอ่อน" เคลียร์ชัดและเตรียมฟ้องกลับ ยืนยัน “เฮียเก้า" เอี่ยวปมหมูเถื่อน” ไม่ใช่ญาติ ลั่น ใครทำผิดก็ต้องรับโทษ ยืนยันไม่เคยรับเงินสกปรก ขออย่าเอาการเมืองมาโยง

"เฮียเก้า" หรือ นายหลี่ เซิ่งเจียว นายกสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชีย ผู้ที่ถูกพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ออกหมายจับจากการพัวพันในขบวนการนำเข้าเนื้อหมูเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบ 

และจากกรณีนี้ยังมีการโยงว่า "เฮียเก้า" เป็นญาติของนักการเมืองชื่อดังระดับประเทศคนหนึ่ง 

ล่าสุดวันนี้ (12 ม.ค.) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลังเป็นนักการเมืองที่ถูกพาดพิงและโยงไปว่า "เฮียเก้า" เป็นญาติในฐานะเป็นน้องชายต่างมารดาของนายเฉลิมชัย 

นายเฉลิมชัย ยืนยันว่า "ข่าวที่ว่านายหลี่ เซิ่งเจียว เป็นพี่น้องต่างมารดากับผมนั้นเป็นเรื่องเท็จ เพราะบิดาของผม อยู่ในประเทศไทยมานาน 80 กว่าปีแล้ว หลังจากที่บิดาของผมมาอยู่ไทยแล้ว ก็ไม่เคยกลับไปประเทศจีนอีกเลย จึงไม่มีทายาทอยู่ที่ประเทศจีนได้"

"และผมเองไม่รู้จักบ้านของนายหลี่ ซึ่งกรณีที่เคยเจอกันในงานนั้น ก็เป็นเพราะผมได้รับเชิญให้ไปร่วมงานในโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งมีนักธุรกิจ และข้าราชการมาร่วมงานจำนวนมาก" นายเฉลิมชัย กล่าว 

\"เฉลิมชัย ศรีอ่อน\" เคลียร์ชัด ปมโดนโยงเป็นญาติ \"เฮียเก้า\" เอี่ยวหมูเถื่อน

ส่วนกรณีที่บุตรชายของนายหลี่ คือ นายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ ซึ่งเป็นนามสกุลเดียวกับนายวิรัช ปิยพรไพบูลย์ พี่ชายของนายเฉลิมชัย และนายจักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ สส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ และเป็นหลานชายของนายเฉลิมชัยนั้น นายเฉลิมชัย ชี้แจงว่า "ผมทราบเพียงว่า เป็นการมาขอใช้นามสกุล แต่ไม่ทราบรายละเอียดเรื่องนี้"

"ในชีวิตไม่เคยเอื้อผลประโยชน์ให้กับคนพวกนี้ และไม่เคยรับเงินสกปรก ทั้งต่อหน้า และลับหลัง เพราะในชีวิตของตน เกลียดการทุจริตคอร์รัปชัน ดังนั้น หากเป็นการกระทำความผิดของใคร บุคคลนั้นต้องรับโทษและเข้าสู่กระบวนยุติธรรม เพื่อพิสูจน์ตัวเองต่อไปในชั้นศาล โดยไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับการยกเว้น หรือหากผู้ทำผิดเป็นญาติหรือคนสนิทของผม ก็ต้องรับโทษ และขออย่านำประเด็นทางการเมืองมาเชื่อมโยง"

นายเฉลิมชัย ยังยืนยันอีกว่า สามารถชี้แจงได้ทุกอย่าง และสมัยที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น และปรากฏข่าวพบการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเข้ามานั้น ได้สั่งการอธิบดีกรมปศุสัตว์ ห้ามปล่อยเนื้อหมูเหล่านั้นออกจากท่าเรือ หรือสถานที่ต่าง ๆ โดยต้องไม่มีการยินยอมให้นำเนื้อหมูดังกล่าวออกมาได้ 

"คำสั่งนี้ของผมจึงเป็นที่มาของการอายัดเนื้อหมู 100 กว่าตู้ และทางกระทรวงฯ ได้มีการจับกุม อายัด และทำลายเนื้อหมูเถื่อนแล้ว ส่วนจะมีข้าราชการคนใดเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น ก็จะต้องให้เป็นไปตามกระบวนการ และในส่วนของผมตอนนี้ ให้ทุกอย่างว่า ไปตามกระบวนการ แต่หากมีใคร มาทำให้ผมได้รับความเสียหาย ก็จะดำเนินตามกฎหมายต่อไป"