จุรินทร์ ตั้งฉายา งบประมาณปี 67 ฉบับเป็ดง่อย-นักกู้ถุงเท้าชมพู

03 ม.ค. 2567 | 08:29 น.

จุรินทร์ อภิปรายงบประมาณปี 67 ตั้งฉายา ฉบับเป็ดง่อย ย้อนเกล็ด นักกู้ถุงเท้าสีชมพู ฟันธง ดิจิทัลวอลเลต แค่วาทกรรม สร้างความชอบธรรมให้นโยบายหาเสียง

วันที่ 3 มกราคม 2567 ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 มกราคม 2567 เป็นเวลา 3 วัน โดยแบ่งเป็นผู้อภิปรายจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ฝ่ายละ 20 ชั่วโมง 

นายจุรินทร์กล่าวว่า ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่จะทำให้นโยบายของรัฐบาลที่หาเสียงและแถลงต่อรัฐสภาไว้นั้นเป็นจริงได้ในส่วนที่จำเป็นต้องใช้เม็ดเงิน แม้ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ ถ้ารัฐบาลเสนอแล้วไม่ผ่านความเห็นชอบของสภา รัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกหรือไม่ก็ยุบสภา แต่เชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้ มีเสียงข้างมากเบ็ดเสร็จเด็ดขาดถึง 314 เสียง ถ้าเกิดไม่ผ่านนายกฯ ต้องเลิกใส่ถุงเท้าแดง

งบฉบับเป็ดง่อย-เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด 

“งบประมาณฉบับนี้เป็นฉบับแรกของรัฐบาลชุดนี้ เกิดจากการเอางบปี 67 ที่รัฐบาลที่แล้ว คือรัฐบาลพลเอกประยุทธ จันทร์โอชามารื้อทำใหม่หมด ซึ่งส่งผลให้ปฏิทินงบปีนี้ล่าช้าไปกว่า 9 เดือน เหตุผลนอกจากช้า เพราะรัฐบาลชุดนี้ใช้เวลาไปตั้งรัฐบาล เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดหลายเดือน”นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์กล่าวว่า หลังคณะรัฐมนตรีมีมติที่จะรื้อพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายรัฐบาลชุดที่แล้วใหม่ ก็ใช้เวลาอีกหลายเดือนเช่นเดียวกันกว่าจะกลับเข้าสู่สภาได้ ทำให้งบประมาณฉบับนี้ไปบังคับใช้เอาประมาณเดือนพฤษภาคม อีก 4 เดือนกว่า ๆ ข้างหน้า เพราะฉะนั้นตรงนี้เลยส่งผลให้งบประมาณฉบับนี้กลายเป็น งบประมาณฉบับเป็ดง่อย

“ผมเรียนว่าเป็ดง่อยเพราะว่างบประมาณทั้งสิ้น 3.48 ล้านล้านบาท รัฐบาลมีเวลาใช้เงินแค่ 5 เดือนจากปกติ 12 เดือน เท่ากับมีเวลาใช้เงินแค่ 40% ประสิทธิภาพการใช้เงินไปดูย้อนหลังเฉลี่ย 5 ปี มีแค่ประมาณ 70% เพราะเราไปดูจากการกันการเงินเหลื่อมปีประมาณ 30% เพราะฉะนั้นเวลาก็เหลือแค่ 5 เดือน ประสิทธิภาพก็มีแค่ 70 % ไม่สามารถเอาไปกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่รัฐบาลวาดหวังว่าได้เต็มร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนใช้งบประมาณ รัฐบาลชุดนี้ตอนนี้ครม.มี 34 คน โลกลืมไปสักกี่คน”นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีพยายามตีปี๊บว่า เศรษฐกิจกำลังวิกฤตต้องเร่งเศรษฐกิจกันขนาดใหญ่ แต่ขณะเดียวกันงบประมาณมีผลต่อ GDP ถึงร้อยละ 18 ถ้างบประมาณแผ่นดินกลายเป็นเป็ดง่อยแล้วจะไปดำเนินการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้โตตามเป้าหมายได้อย่างไร 

ถลกหนังงบ 67 คิดกู้ ทำกู้ 

นายจุรินทร์กล่าวว่า ฉายภาพ 4 ประเด็น ประเด็นที่ 1 งบฉบับนี้ขาดดุลเหมือนเดิม และจะขาดดุลต่อไปอีกตลอดอายุรัฐบาลนี้ ครบ 4 ปีเต็ม เพราะว่ารัฐบาลกำหนดรายได้ไว้ 2.78 ล้านล้านบาท รายจ่าย 3.48 ล้านล้าน ขาดดุล 693,000 ล้านบาท อยู่ในแผนการคลังของรัฐบาลชุดนี้ที่ครม.ชุดนี้มีมติไว้เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 จะทำงบประมาณขาดดุลต่อเนื่องไปจนกระทั่งหมดอายุรัฐบาล  

นายจุรินทร์กล่าวว่า ประการที่ 2 งบประมาณของรัฐบาลชุดนี้ ปีนี้เพิ่มขึ้น แต่สัดส่วนงบลงทุน หัวใจของการกระตุ้นเศรษฐกิจ น้อยกว่าเดิม งบปี 66 สัดส่วนการลงทุน 21.7% มาปีนี้เหลือ 20.6% ยิ่งดูเม็ดเงินยิ่งมีคำถาม งบ 67 จัดงบเพิ่มขึ้นเพื่อไปใช้จ่าย 295,000 ล้านบาท เอาไปเพิ่มให้งบประจำ 130,000 ล้าน คิดเป็น 44% แต่ไปเพิ่มงบลงทุนตัวกระตุ้นเศรษฐกิจสำคัญแค่ 28,000 ล้าน เทียบกับ 130,000 ล้าน ไม่ถึง 10% สิ่งที่เป็นคำถามว่าแล้วจะไปสนองการกระตุ้นแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่รัฐบาลพยายามตีปี๊บได้อย่างไร

นายจุรินทร์กล่าวว่า ประเด็นที่ 3 งบกลาง ดูผิวเผินสัดส่วนงบกลางเหมือนลดลง แต่อันนี้มันงบลวงตา เพราะงบกลางรวม ๆ ปี 66 18.5% ของงบรวม แต่พอมาปี 67 ลดเหลือ 17.4% แต่ปัญหาก็คือว่าพอไปดูลงลึกไส้ใน งบประมาณตัวที่เป็นงบกลางสำคัญคือเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินที่เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี ปรากฎว่าแทนที่จะลดกลายเป็นเพิ่ม งบ 66 เพิ่มขึ้นจาก งบ 66 จัดไว้ 92,400 ล้านบาท พอมา 67 เพิ่มจาก 92,000 เป็น 98,500 เกือบแสนล้าน ตอกย้ำว่าแก้อะไรคงไม่ได้ นอกจากวาระ 2 ไปปรับปรุงกัน แต่ขอย้ำว่า ขอให้นายกฯ ใช้เงินนี้ให้คุ้มค่า ประหยัด โปร่งใส แล้วก็สุจริตจริง ๆ

ย้อนเกล็ด นักกู้ถุงเท้าสีชมพู 

นายจุรินทร์กล่าวว่า ประเด็นที่ 4 ประเด็นสุดท้าย งบประมาณฉบับนี้กลายเป็น เรื่องคิดใหญ่ ทำเป็น กลับมาเป็น คิดกู้ ทำกู้ เพราะว่า งบประมาณ ปี 67 ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ รัฐบาลที่แล้วทำไปผ่านครม. แล้วด้วยซ้ำ กู้ 5.93 แสนล้าน แต่พอมารัฐบาลนี้เอาไปรื้อกลับมาใหม่มอบนโยบาย 5 ข้อกลายเป็นกู้เพิ่มจาก 5.93 แสนล้านเป็น 6.93 แสนล้าน กู้เพิ่มขึ้นแสนล้านบาท 

“พวกท่านเคยวิจารณ์รัฐบาลที่แล้วว่าเป็นนักกู้แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา เที่ยวนี้ผมว่ากลายเป็น นักกู้ถุงเท้าสีชมพู ท่านกู้เพิ่มขึ้นแสนล้าน ผมขอถามครับว่าท่านเอาไปทำอะไรครับ ไปแบ่งเค้กกันยังไง ที่กู้เพิ่มมาแสนล้านนี้ เสียเวลาไปทำ 3-4 เดือน เฉพาะช่วงปี 67 คือปีนี้รัฐบาลมีแผนกู้เงินไม่น้อยกว่า 1.35 ล้านล้านบาท”นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์กล่าวว่า ประกอบด้วย 1.ปรากฏที่อยู่ในงบประมาณ กู้ชดเชยขาดดุลงบ 67 และอื่นๆ 7.93 แสนล้าน แล้วก็จะกู้ดิจิทัล วอลเล็ต อีก 5 แสนล้าน รัฐบาลบอกว่าจะออก พ.ร.บ.กู้เงิน เพราะฉะนั้นต้องอยู่ในนี้ รัฐบาลบอกจะทำในเดือนพฤษภาคม ต้องอยู่ในแผนนี้แน่นอน ถ้าสำเร็จก็ยังจะต้องกู้ตามมาตรา 28 คือให้ ธกส. สำรองจ่ายเงินไปก่อนแล้วรัฐบาลตามมาใช้หนี้ทีหลัง เช่น ไร่ละพันที่จ่ายชาวนาไปอีก 54,000 ล้าน ยังไม่นับ xxx ที่อาจจะเกิดขึ้นอีก เอาแค่ 3 รายการนี้ รัฐบาลนี้จะกู้ 1,347,753 ล้านบาท ยังไม่รวมดอกเบี้ย ปัญหาที่จะตามมาก็คือว่า รัฐบาลก็จะต้องใช้ตั้งงบประมาณใช้หนี้นี้ในปีต่อ ๆ ไป ทำให้ศักยภาพในการที่จะมีพื้นที่การคลังเหลือลดน้อยลง 

“ศักยภาพในการใช้หนี้ของรัฐบาลตั้งงบใช้หนี้เฉพาะเงินต้นอย่างเดียว 118,000 ล้านบาท แต่หนี้ที่จะก่อ 1.35 ล้านล้านบาท ถ้ารัฐบาลใช้หนี้ตามศักยภาพนี้ เงินกู้ 1.35 ล้านล้านบาท หารด้วย 120,000 ล้านบาทต่อปี รัฐบาลนี้ต้องใช้เวลา 11 ปี ถึงจะแก้ปัญหาหนี้ที่ก่อขึ้นได้ แต่ 11 ปีรัฐบาลนี้ไปสวรรค์แล้วครับ สุดท้ายมันคือการสร้างหนี้ไว้ให้กับคนไทยทั้งประเทศ”นายจุรินทร์กล่าว

ดิจิทัลวอลเลตแค่วาทกรรม

นายจุรินทร์กล่าวว่า ดิจิทัล วอลเล็ต รัฐบาลตั้งงบไว้ตรงไหน คงไม่มี เพราะรัฐบาลบอกว่าจะไปกู้ แต่ถ้ากู้ไม่ได้จะทำอย่างไร สิ่งที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบก็คือ รัฐบาลต้องทำให้ได้เรื่องนี้ เพราะไปหาเสียงไว้เยอะ นายกฯ บอกว่าเรื่องนี้จะไม่กู้ สุดท้ายตีลังกากลับลำ 360 องศา กลายเป็นกู้ เสียงวิจารณ์มาจากทุกสารทิศของประเทศ แต่เขาไม่ได้วิจารณ์เรื่องกู้เป็นหลัก แต่เขาวิจารณ์เรื่องกู้มาแจก หาเสียงสนองนโยบายพรรคการเมือง เหตุที่รัฐบาลคิดไปคิดมา กลัวว่าถ้าออกพ.ร.บ.กู้เงินก้อนนี้แล้วจะผิดกฎหมายก็เลยไปถามกฤษฎีกา วันนี้คำตอบยังไม่กลับมา แต่ขอพูดล่วงหน้าก็คือว่า ถ้ากฤษฎีกาบอกว่าทำไม่ได้ ผิดกฎหมาย หรือ สุ่มเสี่ยง อย่าไปโยนบาปให้กฤษฎีกา เพราะกฤษฎีกาไม่ใช่เจ้าของนโยบายหาเสียง 

นายจุรินทร์กล่าวว่า ประการต่อมาถือว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดนี้ที่จะต้องไปเตรียมแผน 2 คำถามก็คือว่า ถ้าจะใช้งบใน 4 ปี จะใช้หนี้อย่างไร งบ 67 ไม่มีงบใช้หนี้ดิจิทัล วอลเล็ต สักบาทเดียว แปลว่าเหลือเวลาใช้หนี้ 3 ปีงบประมาณเท่านั้น 

“การใช้หนี้ปีละ 120,000 ล้าน ไม่ใช่แค่ใช้หนี้ที่ก่อขึ้นโดยดิจิทัล วอลเล็ต 5 แสนเท่านั้น ยังมีภาระชำระหนี้สะสมที่รัฐบาลเก่า ๆ สร้างไว้อีก 9.8 ล้านล้านบาท เอาแค่ 5 แสนล้าน มีศักยภาพปีละ 120,000 ล้านบาทที่จะใช้หนี้ จะเป็นไปได้อย่างไร เหลือ 3 ปีงบประมาณ ฟันธงเลยที่นายกฯ บอกว่า จะใช้หนี้ดิจิทัล วอลเล็ต 5 แสนล้าน ภายใน 4 ปี โดยรัฐบาลนี้แค่วาทกรรม สร้างความชอบธรรมให้นโยบายหาเสียง”นายจุรินทร์กล่าว

แก้รัฐธรรมนูญจากหนังสั้นเป็นหนังยาว

นายจุรินทร์กล่าวว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนเห็นด้วยว่ารัฐบาลควรจะทำเรื่องการเมืองควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน  จะแยกส่วนทำทีละเรื่องเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้  และ ขอเรียนว่าผมเห็นด้วยที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องไม่แตะ หมวดหนึ่งกับหมวดสอง และสนับสนุนที่รัฐบาลประกาศนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้เป็นนโยบายเร่งด่วน ถึงขนาดประกาศว่าจะนำเข้าครม.นัดแรกที่มีการประชุม  แต่ประเด็นคือพอเอาเข้าจริงๆ เป็นหลังคนละม้วน 

“ปรากฏว่าทันทีที่เข้าที่ประชุมครม.แทนที่จะประกาศแก้รัฐธรรมนูญกลับกลายเป็นการตั้งคณะกรรมการศึกษา  ถอยเวลาจากนโยบายเร่งด่วนกลายเป็นภายใน 4 ปี  จากหนังสั้นกลายเป็นหนังยาว"นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์กล่าวว่า รัฐบาลประกาศว่าจะทำประชามติเร็วสุด ไม่เกินเดือนมกราคม หรือภายในเดือนมกราคม แต่ขณะที่รัฐบาลประกาศจะทำประชามติ คาดว่าเร็วสุดภายในเดือนมกราคม  ขณะเดียวกันซีกรัฐบาลก็ออกข่าวว่าจะแก้พระราชบัญญัติประชามติ  เพื่อแก้ประเด็นที่การมาออกเสียงประชามติ แก้เดือนเดียวไม่น่าจะเสร็จ จะทำประชามติในเดือนมกราคมได้อย่างไร เหมือนที่รัฐบาลพูดจริงใจหรือจิงโจ้

"ประชามติต้องทำทั้งหมด 3 ครั้ง  ครั้งหนึ่งใช้งบประมาณ 3,200 ล้านบาท โดยประมาณ หรือประมาณหมื่นล้านบาท  คำถามคืองบประมาณอยู่ตรงไหน ตั้งไว้เท่าไหร่ หาไม่เจอ”นายจุรินทร์กล่าว

ชำแหละงบกรมราชทัณฑ์-คุกทิพย์

นายจุรินทร์กล่าวว่า งบประมาณของกระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์  ในส่วนกรมราชทัณฑ์ ได้งบประมาณ 14,972 ล้านบาท โครงการผู้ต้องขังได้รับการควบคุมดูแลอยู่ในเล่มขาวคาดแดง  ระยะเวลาทำโครงการ 6 ปี ตั้งแต่ปี 2565 ถึงปี 2570 ใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้น 6 ปี 38,979 ล้านบาท เฉพาะงบประมาณ 2567 ที่มาขอเที่ยวนี้ 6,620 ล้านบาทวัตถุประสงค์เอาไปยกระดับควบคุม ดูแลผู้ต้องขังให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล หลักสิทธิมนุษยชนโปร่งใส และไม่เลือกปฏิบัติ  สถานที่ดำเนินการคือเรือนจำ และทัณฑสถานทั่วประเทศ ครอบคลุมไปถึงผู้ต้องขัง 280,000 คน 

นายจุรินทร์กล่าวว่า ขอเรียนว่าผมสนับสนุนงบประมาณก้อนนี้ เพื่อให้รัฐบาลได้ดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ  แต่ผมมีคำถาม 2 ข้อ 1.รัฐบาลในฐานะผู้ใช้งบประมาณปี 2566 และกำลังของบปี 2567 อีก 6,620 ล้านบาท ได้บริหารโครงการตามวัตถุประสงค์โปร่งใส ไม่เลือกปฏิบัติ กับผู้ต้องขังทั้ง 280,000คนหรือยัง

"มีข้อเคลือบแคลงเกิดขึ้นในสังคมว่าทำไมรัฐบาลปล่อยให้นักโทษบางคนเข้าคุกทิพย์มาแล้วกว่า 120 วัน แต่ไม่เคยติดคุกจริงแม้แต่วันเดียว”นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี  รัฐมนตรียุติธรรม  กรมราชทัณฑ์  มีหน้าที่ต้องปฏิบัติราชการให้เป็นไปตามแผนงานโครงการ 6 ปีงบ 38,900 ล้านบาท และให้เป็นไปตามมาตรฐานสหประชาชาติโดยเคร่งครัด ถือหลักโปร่งใส  ไม่เลือกปฏิบัติ

"ไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เยาะเย้ยย่ำยีหลักนิติธรรมของประเทศต่อไป  เพราะจะอาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว  น้ำผึ้งหยุดเดียวที่ไม่เพียงแต่จะทำฝันจะอยู่ 4 ปีของนายก  ให้กลายเป็นฝันทิพย์เท่านั้น  แต่จะเป็นการยิ่งตอกย้ำฉายา เซลล์แมนสแตนชิน ให้กลายเป็นผลงานชิ้นโบดำ ประทับติดตัวนายกรัฐมนตรีตลอดไป"นายจุรินทร์กล่าว