อุบัติเหตุทางการเมืองปี 67 ที่จะเกิดขึ้นเขย่าสถานะนายกรัฐมนตรีของ “เศรษฐา ทวีสิน” ต่อคิวรอบรรจุวาระเข้าสภา โดยเฉพาะ “กฎหมายการเงิน” ที่ส่งผลต่อการอยู่-การไปของรัฐบาลเศรษฐาทั้งคณะ
ทั้งการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ตามปฏิทินงบประมาณจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาพิจารณาในวาระที่ 1 ระหว่างวันที่ 3-4 มกราคม 2567
พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เงินกู้ดิจิทัลหมื่นบาท วงเงิน 5 แสนล้านบาท ตามไทม์ไลน์สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะส่งความเห็นทางกฎหมายกลับมายังกระทรวงการคลังในเดือนมกราคม 67 โดยนายเศรษฐามีธงไว้ให้ได้ใช้เงินพฤษภาคม 67
"วิษณุ เครืองาม" เนติบริกร ออกจากม่านเมฆ ฟันธงฉับ หากร่างพ.ร.บ. กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ไม่ผ่านการพิจารณาจากสภาใน "วาระแรก" เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล คือ "ยุบสภา" หรือ "ลาออก" เพราะถือว่าไม่ไว้ใจรัฐบาล และเป็นไปตามธรรมเนียม แต่กฎหมายบังคับ
"เป็นธรรมเนียมประเพณี ไม่เช่นนั้นจะถูกตำหนิติเตียน ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เมื่อกฎหมายไม่ผ่าน ก็ลาออก รัฐบาลพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เมื่อเสนอกฎหมายเข้าไปแล้วไม่ผ่านก็ประกาศยุบสภา ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ"
นายวิษณุกล่าวว่า หากร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ผ่านวาระแรกไปได้ แต่ไม่ผ่านในวาระ 2 หรือ วาระ 3 หรือไม่ผ่านในชั้นวุฒิสภา ถือว่าพ้นมือ-พ้นความรับผิดชอบของรัฐบาลไปแล้ว ไม่ต้องยุบสภาหรือลาออก
ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ที่พรรคก้าวไกลในฐานะพรรคแกนนำฝ่ายค้าน เก็บข้อมูล-จัดทัพขุนพลฝีปากแจ๋ว ไว้ลับฝีปาก รัฐมนตรีที่เห็นเงียบ ๆ แต่ฟาดเรียบทุกโครงการ อย่างน้อยหวังผลให้ขยายผลกระเทือนไปถึงการปรับครม.เศรษฐา
พุ่งเป้า-ล็อกเป้าใหญ่ จองกฐินนายเศรษฐา ในฐานะ “หัวหน้ารัฐบาล” เรียกหาความรับผิดชอบทางการเมืองในนโยบายประชานิยม “แจกเงินดิจิทัลหมื่นบาท” ติดปลายนวมหาคะแนนเสียงเข้ากระเป๋าพรรคเพื่อไทย หลังจาก "เทหมดหน้าตัก"
การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ และการ “หลุดปาก” กลางที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย เรื่องการแต่งตั้ง-โยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ “ผู้กำกับ”
เศรษฐา ประกาศในที่สาธารณะทุกฟลอร์มั่นอก-มั่นใจเสถียรภาพ 314 เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลจะสามารถฟันฝ่าทุกสมรภูมิในสภาไปได้
ทว่านอกจากเกมการเมืองในสภาแล้ว เศรษฐายังต้องแก้กลกฎหมายในองค์กรอิสระ หลังจากมี “คำร้อง” ของ “นักร้อง” อย่าง นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ที่อยู่ใน ป.ป.ช. และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
รวมถึงอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ข้อ 7 ข้อ 11 ข้อ 12 ข้อ 15 ข้อ 17 ข้อ 21 และข้อ 26
หรือกรณี “ทนายอนันต์ชัย” - พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบนายเศรษฐา ในฐานะประธาน ก.ตร. แต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็น ผบ.ตร. โดยมิชอบ
“สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ถึงพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและ บรรดา สส. พ้นจากตำแหน่งได้ ด้วยผิดรัฐธรรมนูญหลายมาตรา
ศาลรับฟ้อง ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ศาลบอกผิด ต้องพ้นจากตำแหน่ง เพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิต และอาจถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปีก็ได้
อุบัติเหตุทางการเมืองในปี 2567 จะกระเทือนสถานะ “เศรษฐา” เขย่าเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ได้แค่ไหน และจะเกิดขึ้นก่อนหรือหลัง สว.250 คน ที่มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีหมดวาระหรือไม่ อย่ากระพริบตา