ป.ป.ช.ฟันอดีตผู้ว่าฯ กาญจนบุรี-รองผู้ว่าฯ เอื้อประโยชน์เอกชนซ่อมสะพานมอญ

04 ธ.ค. 2566 | 11:04 น.

ป.ป.ช.ฟัน“ชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ”อดีตผู้ว่าฯ กาญจนบุรี และ “ว่าที่ร.ต.กาศพล แก้วประพาฬ” อดีตรองผู้ว่าเมืองกาญจน์ เอื้อประโยชน์เอกชนซ่อมสะพานมอญ ชงอัยการฟันอาญา-ชดใช้เงิน

วันนี้ (4 ธ.ค.66) นายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. และรองโฆษก ป.ป.ช. แถลงว่า กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวน กรณีกล่าวหา นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กับพวกทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับผู้รับจ้างโครงการบูรณะซ่อมแซมสะพานอุตตมานุสรณ์ (สะพานมอญ) ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ทั้งที่ผู้รับจ้างดำเนินการไม่แล้วเสร็จตามสัญญา อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้รับจ้างโดยมิชอบ 

ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เดือน ก.ค. 2556 เกิดอุทกภัย ทำให้สะพานอุตตมานุสรณ์ (สะพานมอญ) ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ทรุดตัวเสียหายและขาดออกจากกันความยาวประมาณ 52 เมตร นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มอบหมายให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี รับผิดชอบในจัดจ้างก่อสร้างสะพานไม้ทดแทนช่วงที่ได้รับความเสียหาย 

โดยใช้เงินบริจาคจากหน่วยงานและประชาชน กำหนดราคากลาง 16,400,000 บาท และเนื่องด้วยเป็นความเสียหายที่เดือดร้อนชุมชน ประกอบกับใกล้ถึงฤดูน้ำหลาก จึงจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ 2535 โดยอนุโลม

                       ชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ

ทั้งนี้ นายฉัตรณรงค์ ศิริพร ณ ราชสีมา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี ได้ติดต่อและชักนำ นายสมศักดิ์ สุวัฒนรัตน์ หุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด ป.รุ่งเรืองวัสดุภัณฑ์ เข้ามาเป็นผู้รับจ้างโครงการนี้ และมีการจัดทำเอกสารเสมือนว่ามีผู้เข้าร่วมเสนอราคา 3 ราย

 คณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ประกอบด้วย นายถนอมพล ดอนไพรวัน  นายประมวล โพธิ์หล้า และ นางสาวรัชณีย์ หรือรัชนีย์ ยี่โถหุ่น ได้พิจารณาเห็นควรคัดเลือก ห้างหุ้นส่วนจำกัด ป.รุ่งเรืองวัสดุภัณฑ์ ซึ่งเสนอราคาต่ำสุด ทั้งที่มีการจัดทำหนังสือรับรองผลงานอันเป็นเท็จมาประกอบการเสนอราคา โดยไม่ได้ตรวจสอบถึงความถูกต้องของหนังสือรับรองผลงานดังกล่าว 

ต่อมาห้างหุ้นส่วนจำกัด ป.รุ่งเรืองวัสดุภัณฑ์ ได้เข้าเป็นคู่สัญญากับจังหวัดกาญจนบุรี ตามสัญญาจ้างเลขที่ 0215/2557 ลงวันที่ 8 เม.ย. 57 วงเงิน 16,347,000 บาท แบ่งจ่ายเป็น 3 งวดงาน โดยผู้รับจ้างต้องเริ่มทำงานในวันที่ 9 เม.ย. 57 และต้องทำงานให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 6 ส.ค.57 หากล่าช้ามีค่าปรับวันละ 16,347 บาท 

แต่ปรากฏว่า ผู้รับจ้างทำงานล่าช้า เนื่องจากไม่สามารถจัดหาไม้ตามชนิดที่กำหนดไว้ในสัญญาได้ นายชัยวัฒน์ จึงอนุมัติให้เพิ่มบัญชีไม้ชนิดอื่นมาใช้ในการก่อสร้าง โดยไม่ได้มีการจัดทำบัญชีเปรียบเทียบราคาไม้และยังไม่ผ่านการพิจารณาหรือความเห็นของผู้ออกแบบ ผู้ควบคุมงาน และคณะกรรมการตรวจการจ้าง โดยผู้รับจ้างรับจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 10 ก.ย. 57

แต่จนกระทั่งใกล้ถึงกำหนดดังกล่าว ผู้รับจ้างก็ยังไม่ได้ส่งมอบงานงวดใด คณะกรรมการตรวจการจ้างจึงได้เสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีในฐานะผู้ว่าจ้างว่าหากผู้รับจ้าง ไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามสัญญาได้ ควรใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาจ้าง และมีสิทธิผู้รับจ้างรายใหม่ได้ 
แต่แทนที่ นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ จะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและแจ้งเวียนผู้รับจ้างเป็นผู้ทิ้งงาน ตามระเบียบของทางราชการ กลับแต่งตั้งคณะกรรมการไกล่เกลี่ยข้อปัญหาฯ 

และต่อมามีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาประเมินราคาชดเชยฯ จนกระทั่งจังหวัดกาญจนบุรี โดยว่าที่ร้อยตรี กาศพล แก้วประพาฬ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับผู้รับจ้าง โดยให้มีผลยกเลิกสัญญาเดิม

และให้ผู้รับจ้างหยุดการก่อสร้าง และส่งคืนพื้นที่ และให้ผู้ว่าจ้างจ่ายเงินค่าจ้างให้กับผู้รับจ้างในส่วนที่ได้ดำเนินการไปแล้ว และชดเชยค่าไม้ที่ผู้รับจ้างเตรียมไว้ดำเนินการ รวมจำนวน 10,000,000 บาท ทั้งที่ยังไม่ได้มีการตรวจสอบคุณภาพของงานจ้าง ว่าเป็นไปตามที่กำหนดในสัญญาจ้างหรือไม่ อันเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ผู้รับจ้าง

                       ว่าที่ร.ต.กาศพล แก้วประพาฬ

โดยปรากฏข้อเท็จจริงต่อมาว่า ผู้รับจ้างได้ฟ้องคดีต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรี และได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลตามข้อตกลงเดิม โดยศาลได้มีคำพิพากษาให้ผู้ว่าจ้างชำระเงินให้แก่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ป.รุ่งเรืองวัสดุภัณฑ์ จำนวน 10,000,000 บาท ภายในวันที่ 26 มกราคม 2558 และจังหวัดกาญจนบุรี ได้เบิกจ่ายเงินจำนวน 10,000,000 บาท ให้กับห้างหุ้นส่วนจำกัด ป.รุ่งเรืองวัสดุภัณฑ์ เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2558 

คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้ว มีมติว่า การกระทำของนายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ, ว่าที่ร้อยตรี กาศพล แก้วประพาฬ  และ นายฉัตรณรงค์ ศิริพร ณ ราชสีมา มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

ส่วนการกระทำของ นายถนอมพล ดอนไพรวัน  นายประมวล โพธิ์หล้า  และนางรัชณีย์ หรือ รัชนีย์ ยี่โถหุ่น ไม่มีมูลความผิดทางอาญา แต่มีมูลความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรง  และการกระทำของ นายสมศักดิ์ สุวัฒนรัตน์ หุ้นส่วนผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ป.รุ่งเรืองวัสดุภัณฑ์ และห้างหุ้นส่วนจำกัด ป.รุ่งเรืองวัสดุภัณฑ์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157

ประกอบมาตรา 86 มาตรา 264 มาตรา 265 และมาตรา 268 ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 

ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด(อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจ และส่งรายงานสํานวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคําวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป 

และให้แจ้งผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่  2539 และให้แจ้งข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการกระทำของห้างหุ้นส่วนจำกัด ป.รุ่งเรืองวัสดุภัณฑ์ ให้กรมบัญชีกลาง เพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจให้เป็นผู้มีลักษณะเป็นผู้ทิ้งงานตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป