ปลัดมท. เข้ม! สั่งผู้ว่าฯทั่วประเทศ ห้ามออกใบอนุญาตพกปืน

16 พ.ย. 2566 | 07:40 น.

ปลัดมท. สั่งผู้ว่าราชการทั่วประเทศห้ามออกใบอนุญาตพกปืน เตรียมประสาน ผบ.ตร. งดออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืนทั่วราชอาณาจักร

16 พฤศจิกายน 2566 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงมาตรการกำกับดูแลควบคุมการใช้อาวุธปืน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนว่า ห้วงเวลาที่ผ่านมาได้เกิดเหตุสะเทือนขวัญที่คล้ายคลึงกัน ทั้งเหตุการณ์เยาวชนอายุ 14 ปีใช้แบลงค์กันที่เป็นสิ่งเทียมอาวุธปืนดัดแปลงเป็นอาวุธปืนก่อเหตุกราดยิงที่ศูนย์การค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ

จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต หรือกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกให้ออกจากราชการและมีพฤติการณ์ที่อาจเกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้ใช้อาวุธปืนก่อเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญในพื้นที่จ.หนองบัวลำภู หรือกรณีเจ้าหน้าที่ทหารใช้อาวุธสงครามกราดยิงตามเส้นทางสาธารณะ จนกระทั่งถึงห้างสรรพสินค้าชื่อดังในพื้นที่ อ.เมืองนครราชสีมา กระทั่งล่าสุดเกิดเหตุวัยรุ่นยิงกันบริเวณหน้ารร.พระหฤทัยคอนแวนต์ กรุงเทพฯทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน

เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุอาชญากรรมที่ร้ายแรงและส่งผลต่อสภาพจิตใจของพี่น้องประชาชนคนไทยทั่วประเทศตลอดจนความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมกำหนดมาตรการและแนวทางการแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งกำชับว่าหลังจากนี้ไปต้องไม่มีการพกพาอาวุธปืนแล้ว และเพื่อเป็นการป้องกันเหตุอาชญากรรมที่ร้ายแรง และสนองตามนโยบายของนายอนุทิน จึงได้สั่งการไปยังผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดสั่งการ ดังนี้ 

1.ให้นายทะเบียนท้องที่งดการออกใบอนุญาตให้สั่ง นำเข้า หรือค้าซึ่งสิ่งเทียมอาวุธปืนชนิดแบลงค์กัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืนอื่นที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้โดยง่ายและแจ้งให้นายทะเบียนท้องที่ทราบแนวทางที่จะไม่มีนโยบายให้เพิ่มเติมผู้ได้รับใบอนุญาต สั่ง นำเข้า หรือค้าซึ่งสิ่งเทียมอาวุธปืนรายใหม่ทุกท้องที่ทั่วประเทศ สำหรับกรณีร้านค้าอาวุธปืน ให้นายทะเบียนท้องที่งดการออกใบอนุญาตให้สั่ง หรือนำเข้า ซึ่งอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

2.ให้นายทะเบียนท้องที่อำเภอขอความร่วมมือไปยังบุคคลผู้ครอบครองแบลงค์กัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืนผู้สุจริตทุกราย ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่ได้ดัดแปลงแก้ไขสิ่งเทียมอาวุธปืนของตนเองแต่อย่างใด ให้นำแบลงค์กันหรือสิ่งเทียมอาวุธปืนที่ครอบครองมาแสดง และทำบันทึกต่อนายทะเบียนท้องที่ที่มีภูมิลำเนาอยู่ เพื่อเป็นการแสดงเจตนาสุจริตโดยไม่เพิ่มภาระเกินสมควรกับบุคคลเหล่านั้น

3.ให้นายทะเบียนท้องที่พิจารณาออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน (แบบ ป.3) ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) และใบอนุญาตให้สั่งหรือนำเข้าซึ่งเครื่องกระสุนปืน (แบบ ป.2) แก่สมาคมกีฬายิงปืนที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการกีฬาแห่งประเทศไทยเท่านั้น และต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน โดยเครื่องกระสุนปืนที่จะอนุญาตให้สมาคมกีฬายิงปืนซื้อ สั่งหรือนำเข้าได้ จะต้องเป็นชนิดและขนาดที่สอดคล้องกับอาวุธปืนที่ปรากฏตามใบอนุญาตให้มี และใช้อาวุธปืนของสมาคมกีฬายิงปืน รวมทั้งสอดคล้องเหมาะสมกับจำนวนเครื่องกระสุนปืน 

จากข้อเท็จจริงตามสภาพความต้องการของแต่ละพื้นที่ ตลอดจนศักยภาพพื้นที่ในการจัดเก็บอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน และในกรณีที่นายทะเบียนท้องที่จะพิจารณาออกใบอนุญาตให้สั่ง หรือนำเข้า ซึ่งเครื่องกระสุนปืน ชนิดเครื่องกระสุนปืนสั้น ต้องถือปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด

นอกจากนี้ตนยังได้สั่งการให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดงดการออกใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว (แบบ ป.12) ในเขตพื้นที่จังหวัด ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และเตรียมประสานผบ.ตร.ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืนใน กทม.และทั่วราชอาณาจักร เพื่อขอความร่วมมืองดออกใบอนุญาต เพื่อสนองนโยบาย มท.1 นโยบายรัฐบาล และเพื่อสวัสดิภาพและความผาสุกของสังคมไทย

ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้กำชับให้ทุกกลไกในระดับพื้นที่ ได้หมั่นตรวจสอบตรวจตราความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างเข้มข้นต่อเนื่อง ทั้งสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ รวมถึงสถานที่ต่าง ๆ ที่เป็นแหล่งรวมคนเป็นจำนวนมากโดยประสานการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยงานด้านความมั่นคง และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน

รวมทั้งเพื่อสร้างความอุ่นใจและความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่

หากพี่น้องประชาชนมีเบาะแสการกระทำผิดเกี่ยวกับเรื่องอาวุธปืน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืน หรือยาเสพติด หรือสิ่งที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน สามารถแจ้งได้ที่ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ปลัดอำเภอ นายอำเภอ หรือโทรสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการควบคุมเหตุการณ์หรือดำเนินการกับผู้กระทำความผิดให้ได้รับโทษตามกฎหมาย เราจะร่วมกันทำให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งความสุข สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีสวัสดิภาพ มีความปลอดภัยในทุกพื้นที่ เพื่อประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน นายสุทธิพงษ์ กล่าว