ส่องความเป็นไปได้ "อภัยโทษ-พักโทษทักษิณ" บนเงื่อนไขกรมราชทัณฑ์

12 ต.ค. 2566 | 09:10 น.

ชำแหละปมร้อน การออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษ ให้กับ "ทักษิณ ชินวัตร" หลัง "จตุพร พรหมพันธุ์" ออกมาปูด ด้านแหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาล ชี้ ให้จับตา 5 ธ.ค. 2566 เตรียมขอพักโทษหลังอดีตนายกฯเข้าเงื่อนไขของกรมราชทัณฑ์

จากกรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ออกมาปูดเรื่องที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เตรียมนิรโทษกรรมด้วยการออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษทั่วไปสำหรับนักโทษที่เหลือโทษไม่ถึง 1 ปี ซึ่งจะส่งผลให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจระหว่างต้องโทษจำคุกจาก 3 คดี รวมเวลา 8 ปีจากคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ซึ่งได้รับการอภัยโทษลดโทษจำคุกเหลือ 1 ปี เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมได้รับอานิสงส์ไปด้วย

สื่อมวลชนจึงได้สอบถาม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หลังเสร็จสิ้นการประชุม ครม. ครั้งล่าสุด 10 ต.ค. 66 ว่า ครม.เตรียมออกพ.ร.ฎ.อภัยโทษทั่วไปเพื่อให้นายทักษิณ อดีตนายกฯพ้นโทษหรือไม่

นายภูมิธรรม บอกว่า ไม่มีพร้อมถามกลับสื่อว่า ไปเอาข่าวมาจากไหน สื่อมวลชนตอบกลับว่า นายจตุพร เป็นผู้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ นายภูมิธรรม กล่าวยืนยันย้ำว่า "ไม่มี เดี๋ยวดูวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีได้" 

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" โดยอ้างอิงข้อมูลของ "กรมราชทัณฑ์" ได้แบ่งการขอพระราชทานอภัยโทษออกเป็น 2 ประเภท คือ 

  • การพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป 
  • การพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย  

การพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป คือ การพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์หรือผู้ต้องโทษ โดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกาตามการถวายคำแนะนำของคณะรัฐมนตรีต่อพระมหากษัตริย์ตามมาตรา 261 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 

ในกรณีนี้ทางราชการจะดำเนินการให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ในทุกขั้นตอนโดยที่ผู้ต้องราชทัณฑ์มิต้องดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น 

ทั้งนี้ การพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป มักจะมีขึ้นในวโรกาสมหามงคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น เนื่องในโอกาสพระราชพิธีกาญจนาภิเษก รัชมังคลาภิเษก เป็นต้น 

สำหรับหลักเกณฑ์ที่นักโทษเด็ดขาดผู้ใดจะได้รับการพระราชทานอภัยโทษเท่าใด อย่างไรนั้น จะกำหนดรายละเอียดไว้ในพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษที่ตราขึ้นในแต่ละครั้ง ทั้งนี้ มีหลักเกณฑ์ใหญ่อยู่ 3 ประการ คือ 

  1. เกณฑ์ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป
  2. กณฑ์ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษ
  3. เกณฑ์ไม่ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษ 

เมื่อมองเงื่อนไขของการพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไปที่มักจะมีขึ้นในวโรกาสมหามงคลต่าง ๆ เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ รวมถึงหลักเกณฑ์ข้างต้น ในวาระสำคัญวันที่ 13 ตุลาคม 2566 วันนวมินทรมหาราช วันคล้ายวันสวรรคต ในหลวงรัชกาลที่ 9

จึงทำให้มองได้ว่า รัฐบาลอาจใช้จังหวะนี้ในการเดินหน้าออก พ.ร.ฎ. อภัยโทษฯ ดังกล่าว แต่เนื่องจากติดขัดปัญหาบางเรื่องจึงทำให้ไม่สามารถผลักดันเรื่องนี้ออกมาได้

แม้ว่าการให้สัมภาษณ์ของรองนายกฯภูมิธรรมที่ออกมาระบุว่า ไม่มีวาระดังกล่าวในการประชุม ครม. ทั้งๆวงในทราบกันดีว่า หากมีสัญญาณทางกรมราชทัณฑ์ซึ่งเตรียมการพร้อมอยู่แล้ว ทั้งรายชื่อ ประเภทของนักโทษเด็ดขาด จำนวนโทษ/ฐานความผิดที่เข้าข่ายรับพระราชทานอภัยโทษก็พร้อมเสนอให้ ครม. ได้ทันที  

จึงไม่น่าแปลกใจที่ในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา เรื่องนี้จึงไม่มีปรากฎตามที่เป็นข่าวตามที่นายจตุพรได้ออกมาพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะมีการ พ.ร.ฎ.อภัยโทษทั่วไป อดีตนายกฯทักษิณจึงต้องรับโทษไปจนครบ 1 ใน 3 คือ 4 เดือน 

แหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาล ยังเปิดเผยอีกด้วยว่า กรณีของนายทักษิณ อดีตนายกฯ ยังมีลุ้นอีกครั้งในวาระสำคัญ คือ วันที่  5 ธันวาคม 2566 วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และวันพ่อแห่งชาติ ที่นายทักษิณสามารถขอพักโทษได้ทันทีโดยไม่ต้องรอถึงปีหน้าเพราะรับโทษครบ 1 ใน 3 ตามหลักเกณฑ์ของการขอพักโทษแล้ว โดยสามารถดำเนินการด้วยตัวนักโทษเองได้ 

หลักเกณฑ์ผู้ที่จะได้รับการปล่อยตัวพักการลงโทษ ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

  • เป็นนักโทษเด็ดขาด
  • ชั้นเยี่ยม เหลือโทษจำคุกไม่เกิน  1  ใน  3
  • ชั้นดีมาก เหลือโทษจำคุกไม่เกิน  1  ใน  4
  • ชั้นดี เหลือโทษจำคุกไม่เกิน  1  ใน  5

นอกจากนี้การขอพักโทษไม่มีเงื่อนไขที่ระบุไว้ในระเบียบแต่ให้เป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการพิจารณาพักโทษ เช่น ความชราภาพ และความเจ็บป่วย โดยจะมีคณะกรรมการพิจารณาพักโทษ 3 ระดับด้วยกัน คือ ระดับเรือนจำ ระดับกรม และระดับกระทรวง ซึ่งไม่เกี่ยวกับรัฐบาลแต่อย่างใด 

"การขอพักโทษนายทักษิณเป็นการดำเนินการของตัวนักโทษเอง เงื่อนไขตามระเบียบคือ เป็นนักโทษเด็ดขาด เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม อายุเกิน 60 ปี และรับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3" แหล่งข่าวระบุ