ศาลอาญาทุจริตฯ พิพากษาจำคุก อดีตนายก อบจ.ลำปาง 116 ปี

05 ก.ย. 2566 | 09:45 น.

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 พิพากษาจำคุก  "สุนี สมมี" อดีตนายก อบจ.ลำปาง 116 ปี รวมโทษ 29 กระทงแต่ให้คงจำคุก 50 ปี ปมทุจริตจ้างเหมาขุดลอกลำน้ำ มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท

5 กันยายน 2566 สำนักงานป้องกันและปราบปรามทุจริตภาค 5 แถลงผลการดำเนินงานของ ป.ป.ช.ภาค 5 และ ป.ป.ช.ประจำ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ประจำเดือนกันยายน 2566 โดยมีคดีทุจริตที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดทางอาญาและทางวินัย และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ได้มีคำพิพากษาลงโทษผู้ถูกกล่าวหารวม 12 คดี

โดยมีคดีสำคัญเป็นคดีทุจริตโครงการจ้างเหมาขุดลอกลำน้ำขององค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปางปีงบประมาณ 2549 และ 2550 จำนวน 29 โครงการ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิดทางอาญาและทางวินัยผู้ถูกกล่าวหารวม 9 ราย เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2564 ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้องทั้ง 9 คนเป็นจำเลย 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 พิพากษาให้ นางสุนี สมมี อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 152 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ รวมทั้งหมด 29 กระทง จำคุกกระทงละ 4 ปี รวมจำคุก 116 ปี แต่ให้คงจำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

ส่วนจำเลยที่เหลือ มีทั้งอดีตผู้อำนวยการกองกิจการสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง จำคุก 8 ปี 8 เดือน 80 วัน และทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยองมีคำสั่งไล่ออกจากราชการ ขณะดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง นอกจากนี้ยังมีข้าราชการในระดับปฏิบัติงานถูกสั่งจำคุกลดหลั่นกันไป 

นายสุชาติ กรวยกิตานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาค 5 เปิดเผยถึงคดีนี้ว่า จำเลยได้ร่วมกันจัดหาบุคคลที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขายและรับจ้างทั่วไปให้ไปจดทะเบียนพาณิชย์ที่สำนักปลัด อบจ.ลำปาง ให้มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการรับเหมาก่อสร้างและขุดลอกลำน้ำ

จากนั้นได้ให้ไปเปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาลำปาง และให้ลงลายมือชื่อในใบถอนเงินซึ่งจำเลยจะเก็บเอกสารทะเบียนพาณิชย์ บัญชีเงินฝาก ใบถอนเงิน และเอกสารที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ไว้ และนำไปใช้ในการเสนอราคาโครงการขุดลอกลำน้ำ 29 โครงการ 

นอกจากนี้จำเลยยังร่วมกันปกปิดข่าวสอบราคาโครงการจ้างเหมาขุดลอกลำน้ำในทุกช่องทาง และดำเนินการเปิดซองเสนอราคาอันเป็นเท็จ โดยจำเลยมีการจัดทำเอกสารเสนอราคาโครงการละ 3 ราย เสมือนมีการแข่งขันยื่นเสนอราคา แต่ละโครงการมีการลงนามย้อนหลังอันเป็นเท็จ และยังมีการปลอมลายมือชื่อกรรมการเปิดซองสอบราคาบางราย เพื่อเป็นเอกสารในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ

หลังจากนั้นได้ให้ผู้รับเหมาที่ว่าจ้างจริงไปลงมือดำเนินการแต่ละโครงการ เมื่อถึงขั้นตอนการเบิกจ่ายค่าจ้างทั้ง 29 โครงการ กลุ่มจำเลยได้นำเช็คที่ อบจ.ลำปาง ออกให้ไปขึ้นเงินธนาคาร

โดยว่าจ้างให้กลุ่มลูกจ้าง อบจ.และลูกจ้างเอกชนไปถอนเงินแทนแล้วกลุ่มจำเลยได้นำเงินสดโครงการละประมาณ 1.7-1.9 ล้านบาท มาแบ่งส่วนกันที่ห้องทำงานของ นางสุนี สมมี นายก อบจ.ลำปาง (ในขณะนั้น) โดยแบ่งจ่ายให้กับผู้รับเหมาที่ทำงานจริงร้อยละ 60 ของวงเงินตามสัญญาจ้าง ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 40 นำมาแบ่งกันในกลุ่มจำเลย  

นายสุชาติ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาค 5 เปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้ประมาณมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท แต่คดียังไม่สิ้นสุด โดยเป็นคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และเชื่อว่า จำเลยจะใช้สิทธิการอุทธรณ์คดีตามกระบวนการทางกฎหมาย