รพ.ตำรวจเผย “ทักษิณป่วย” อาการน่าเป็นห่วง ยืนยันไม่ต้องย้ายไป รพ.เอกชน

25 ส.ค. 2566 | 08:26 น.

อัพเดทความเคลื่อนไหว ทักษิณกลับไทยล่าสุด "พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ" แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจเผยซ่อมแอร์ห้องพัก “ทักษิณ” แล้ว แต่ยังไม่เห็น ระบุอาการอดีตนายกฯยังน่าเป็นห่วง 

วันนี้ (25ส.ค.66) พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ นายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยภายหลังจากได้ไปตรวจอาการป่วยของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาล เมื่อวันมี่ 23 สิงหาคม ที่ผ่านมาว่า "ยังมีอาการน่าเป็นห่วง"

โดยเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้ทำการตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้า นายทักษิณ โดยใช้เครื่องแอคโค่ โมบาย วันนี้ใช้เครื่องแอคโค่ใหญ่ พบว่าจากการตรวจปอด และหัวใจ ส่วนระยะเวลาที่ใช้ในการรักษา ยังไม่สามารถระบุได้ขณะที่ความดันยังทรงตัว ไม่ถึงกับทรุด ยังมีสติสามารถพูดคุยกับแพทย์ได้ 

รพ.ตำรวจเผย “ทักษิณป่วย” อาการน่าเป็นห่วง ยืนยันไม่ต้องย้ายไป รพ.เอกชน

ทั้งนี้อาการทั้งหมดได้รายงานไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์แล้ว ส่วนห้องที่ใช้รักษาตัว นายทักษิณ ตั้งแต่ช่วงโควิด 19 ที่ผ่าน ได้ดัดแปลงห้องดังกล่าว ให้เป็นกึ่ง ICU หรือที่เรียกว่า IMCU สามารถเคลื่อนย้ายอุปกรณ์รักษาได้ทันที

สำหรับการรักษาของ นายทักษิณ ทางโรงพยาบาลไม่ได้เป็นผู้ร้องขอ แต่ทางโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นผู้ร้องขอให้ส่งตัวมาแบบเร่งด่วน โดยไม่มีเวลาให้ตั้งตัว ซึ่งทางโรงพยาบาลตำรวจรับตัวมาเป็นกรณีเดียวกับผู้ป่วยฉุกเฉินทั่วไป โดยห้องไหนว่าง ก็ให้เข้าไปอยู่ห้องนั้น ส่วนกรณีที่ญาติประสานเข้ามาเยี่ยม นายทักษิณ ได้นั้น ตรงนี้ไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของโรงพยาบาลตำรวจ ส่วนทางการแพทย์ยังไม่พ้นเวลาการกักตัว ที่เป็นไปตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์

รพ.ตำรวจเผย “ทักษิณป่วย” อาการน่าเป็นห่วง ยืนยันไม่ต้องย้ายไป รพ.เอกชน

จากกรณีที่มีหลายฝ่ายขอให้มีแพทย์จากหน่วยงานกลางมาร่วมสังเกตการณ์ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ ระบุว่า เคสผู้ป่วยทุกรายไม่เคยมีหน่วยงานไหนต้องเข้ามาตรวจสอบ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ส่งมาจาก โรงพยาบาลราชทัณฑ์ นายทักษิณ ไม่ใช่รายแรกที่ส่งมา เพราะที่ผ่านมาเคยส่งมาเป็นจำนวนมากแทบทั้งวัน ซึ่งเป็นลักษณะนี้มากว่า 30 ปีแล้ว ไม่เคยมีหน่วยงานไหน เข้ามาร้องขอตรวจสอบ เพราะเป็นสิทธิ์ของผู้ป่วย 

ซึ่งเคสปกติที่ไม่ใช่ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก็ไม่สามารถละเมิดสิทธิ์ของผู้ป่วยได้ เป็นจริยธรรม และจรรยาบรรณทางการแพทย์ ดั้งนั้นตัวแพทย์ที่ถูกร้องขอ ก็ไม่สบายใจไปด้วย

ส่วนเรื่องการเปิดเผยรายละเอียดในการรักษาของผู้ป่วยไม่ได้นั้น เพราะมีกฎหมายคุ้มครองผู้ป่วยในเรื่องการเปิดเผยรายละเอียดอยู่แล้ว ต้องขออนุญาตทั้งตัวผู้ป่วย และญาติของผู้ป่วยด้วย

“กรณีเรื่องแอร์เสียนั้น ตอนนี้ซ่อมแล้ว ยืนยันว่า ไม่ได้ซ่อมสำหรับใช้กับคนไข้รายใดรายหนึ่ง เราซ่อมทั้งชั้น ตอนนี้ใช้การได้ปกติ แต่ไม่ได้เย็นมาก ส่วนเรื่องวิวที่บอกว่าห้องของ นายทักษิณ นั้นสวย ต้องยืนยันว่า ห้องผู้ป่วยโรงพยาบาลตำรวจสวยทุกตึก ไม่ว่าห้องไหนก็สวย“

ขณะที่มีกระแสข่าวว่า จะย้ายตัว นายทักษิณ ไป โรงพยาบาลเอกชนนั้น ทางโรงพยาบาลตำรวจนั้นถือว่ามีศักยภาพมาก มีพร้อมทั้งเครื่องมือ ที่จะสามารถรักษาตัว นายทักษิณ ได้ จะไม่มีการย้ายไปโรงพยาบาลไหนเด็ดขาด การย้ายมีทางเดียว คือ ย้ายกลับราชทัณฑ์ แต่หากราชทัณฑ์ เผยว่า การรักษาของโรงพยาบาลตำรวจ ยังไม่มีประสิทธิภาพ ทางราชทัณฑ์ จะส่งตัวไปที่ไหน ก็แล้วแต่ดุลพินิจของกรมราชทัณฑ์ 

ทั้งนี้ โรงพยาบาลตำรวจไม่มีอำนาจในการส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลเอกชนได้ ทางโรงพยาบาลมีหน้าที่รักษาผู้ป่วยเท่านั้น เรื่องการเมืองหรือการรักษาความปลอดภัย ทางโรงพยาบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

 

"วิษณุ" ชี้ "ทักษิณ" ต้องรักษาตัวที่ "รพ.ตำรวจ" ไม่มีเหตุให้ย้ายแล้ว

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ จนมีการตั้งข้อสังเกตจะต้องรอให้จนกว่าการรักษาตัวหายหรือไม่ว่า จะต้องฟังความเห็นจากแพทย์ผู้รักษา แต่ตนเองได้รับคำยืนยันมาแล้วว่า ขณะนี้ นายทักษิณ ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ และอาการยังทรงตัว ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะอาจจะเกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตจนกระทบต่อร่างกายด้วย เนื่องจาก

ในอดีตตอนการรัฐประหาร 2557 ที่ คสช.เรียกนักการเมืองเข้ารายงานตัวในค่ายทหารจนโรคประจำตัว อย่างความดันกำเริบ เพราะเคยพักผ่อนในบ้านส่วนตัวสะดวกสบายมาก่อน จึงขอให้เห็นใจด้วย

"การจะให้ย้ายไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน หรือโรงพยาบาลรัฐอื่น ๆ นั้น เป็นสิ่งที่ไม่สมควร เพราะไม่มีเหตุผลใด ๆ แล้ว เนื่องจากการย้ายตัวจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ มารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ที่มีแพทย์เฉพาะทาง และสามารถส่งต่อผู้ป่วยระหว่างกัน มีการจัดวางกำลังตำรวจคุมตัวแล้ว ซึ่งในกรณีของนายทักษิณนี้ ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นาย มาควบคุมดูแลแล้ว"

นายวิษณุ ยังเปิดเผยด้วยว่า สำนักงานเลขาธิการศาลยุติธรรม ได้แจ้งโทษจำคุกที่นายทักษิณได้รับแล้ว รวม 8 ปี แต่ขั้นตอนระหว่างการพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจของนายทักษิณนั้น ก็ยังสามารถทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษได้ เพราะยังถือว่า อยู่ในการควบคุมของกรมราชทัณฑ์ ส่วนจะได้รับพระราชทานอภัยโทษในคดีใดบ้างนั้น ถือเป็นเรื่องของพระราชอำนาจตามรัฐธรรมนูญ