แตกหัก! ส.ส.เพื่อไทย 90% ค้านประเคน“ประธานสภาฯ”ให้พรรคก้าวไกล

21 มิ.ย. 2566 | 08:10 น.

ตำแหน่ง “ประธานสภาฯ” เป็นเหตุ บรรดาส.ส.เพื่อไทยเสียงส่วนใหญ่ค้านประเคนให้ “ก้าวไกล” จี้ผู้บริหารพรรคแคร์แฟนคลับ 10 ล้านเสียง “อดิศร”ส่องดออกเสียง เพราะไม่สามารถยกมือให้พระบวชใหม่ได้

วันนี้ ( 21 มิ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานจากโรงแรมเอสซี ปาร์ค ว่า ในการสัมมนาพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่ให้ ส.ส.ได้แสดงความคิดเห็น มี ส.ส.ลุกขึ้นแสดงความเห็นกว่า 10 ราย โดยมีเนื้อหาอภิปรายในหลายประเด็น โดยเฉพาะประเด็นตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เสียงส่วนใหญ่กว่า 90% ของ ส.ส. 141 คนของพรรค ต่างมีความเห็นว่า ตำแหน่งดังกล่าวควรอยู่ที่พรรคเพื่อไทย และไม่ควรยกให้พรรคก้าวไกล 

เนื่องจากพรรคได้ ส.ส.น้อยกว่าพรรคก้าวไกลเพียง 10 เสียง ฉะนั้นควรแบ่งตำแหน่งประมุขให้ฝ่ายบริหาร กับ ฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อการถ่วงดุลในการทำงาน และมองว่าการที่ไปเจรจาอะไรมา ก่อนที่จะให้ข่าวก็ควรแจ้งให้ ส.ส.รับทราบก่อน

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกล่าวอ้างกระแสสังคม โดยเฉพาะแฟนคลับพรรคก้าวไกล แต่ต้องไม่ลืมความรู้สึกของแฟนคลับพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีกว่า 10 ล้านเสียงเช่นกัน เมื่อเขาเลือกเรามา ก็หวังให้เราได้ทำงาน

ทั้งนี้ นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นคนแรกที่แสดงความคิดเห็นว่า เรื่องประธานสภาฯ ตนไม่เห็นด้วยที่เรา 141 เสียง เขา 151 เสียง แต่เราไปยอมเขาทุกเรื่องราว พรรคก้าวไกลเขาควรได้เป็นฝ่ายบริหาร แต่จะหาวเอาเดือนเอาดาว เอาประธานสภาฯ ไปด้วย ตนว่ามันจะง่ายเกินไปหน่อย ไม่เห็นเพื่อนฝูงอยู่ในสายตา ตนตรงไปตรงมา 

“ผมสู้ให้พรรคเพื่อไทย ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ลูกน้องของพรรคการเมืองใด ผมเห็นใจในการเจรจา ไม่ทราบว่าเจรจาอย่างไร ถ้าเขาได้นายกฯ เราได้ประธานสภาฯ มันจะสง่างาม และจะได้ถ่วงดุลการทำงานด้วยกัน ถึงอย่างไรเราก็ไม่สามารถให้ประธานสภาฯกับพรรคก้าวไกลได้ เมื่อเกิดความขัดแย้งก็โหวตกันในสภา”

นายอดิศร ย้ำว่า “ผมยืนยันว่าศักยภาพของเรา เรามีบุคลากรที่เหมาะสม ผมไม่อยากเห็นพระบวชใหม่มาเป็นเจ้าอาวาส เรามีบุคลากรเยอะ อย่าไปยอมให้เขาง่าย เราอย่าไปห่วงความรู้สึกเขา คุณจะเป็นพรรคก้าวไกล หรือ พรรคเพื่อไทย เรื่องประธานสภาฯ ถึงอย่างไร ผมคิดว่าต้องเป็นของพรรคเพื่อไทย เพื่อให้รัฐบาลผสมเดินทางไปสู่การแก้ปัญหาอย่างเหมาะสม 

ผมคนหนึ่งไม่รู้จะงดออกเสียงหรือไม่ เพราะไม่สามารถยกมือให้พระบวชใหม่ได้ พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่สาขาของพรรคก้าวไกล เราเหนื่อยยาก เพราะต้องสู้กับพรรคก้าวไกล ฉะนั้นการทำงานในทางการเมืองอย่าอ่อน แข็งต้องแข็ง พรรคเพื่อไทยมีประสบการณ์มา 22 ปี เราต้องสรุปบทเรียน และพรรคเพื่อไทยจะกลับมายิ่งใหญ่กว่าทุกพรรคในประเทศนี้”

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในที่ประชุมยังมีการแสดงความคิดเห็นถึงการเลือกตั้งที่ได้มาเพียง 141 เสียง โดยมองว่า การจัดรณรงค์หาเสียงค่อนข้างมีข้อผิดพลาด มีการแบ่งทีมปราศรัยน้อยเกินไป ไม่มีทีมปราศรัยไปช่วยอดีตผู้สมัคร ส.ส. มากเท่าที่ควร

บางพื้นที่ความนิยมค่อนข้างดี ก็ส่งทีมปราศรัยไปย้ำความนิยม แต่สำหรับพื้นที่ที่ความนิยมตามหลังคู่แข่ง กลับไม่มีการส่งทีมปราศรัยไปช่วย อีกทั้งมองว่า ผลสำรวจความนิยมก่อนลงคะแนนเสียงของพรรคไม่มีความแม่นยำ ทำให้การประเมินสถานการณ์ในการเลือกตั้งผิดพลาด 

ทั้งนี้การเปิดเวทีให้ ส.ส.ได้แสดงความคิดเห็นในวันนี้ ไม่มีข้อสรุปออกมา โดยเฉพาะประเด็นตำแหน่งประธานสภาฯ เพียงแค่เปิดพื้นที่ให้แสดงความคิดเห็น  

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า นายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่ได้มาร่วมงานสัมมนาในครั้งนี้ ทั้งที่มีรายชื่อเป็นผู้บรรยายกิจกรรมในช่วงบ่าย ที่แบ่งส.ส.กันไปสัมมนาเป็นรายกลุ่ม ท่ามกลางกระแสข่าวที่จะได้รับการผลักดันจากพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เสนอชื่อให้เป็นประธานสภาฯ ซึ่งคนใกล้ชิดให้เหตุผลว่า เพิ่งไปผ่าฟันคุด