เลขาฯเพื่อไทย เชื่อปมหุ้นสื่อ “พิธา” ผ่านไปด้วยดี ไม่ยกมาคุยวง 8 พรรค

07 มิ.ย. 2566 | 03:29 น.

เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กรณีการถือหุ้นไอทีวีของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นเรื่องภายในของพรรค แต่คิดว่าจะผ่านไปด้วยดี โดยในวงประชุมหัวหน้าพรรคร่วม 8 พรรค ไม่เรื่องนี้ยกมาคุย

วันนี้ (7 มิถุนายน 2566) ที่พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยก่อนการประชุมหัวหน้าพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค ถึงกรณีการถือหุ้นไอทีวีของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองในอนาคตหรือไม่ 

โดย นายประเสริฐ ระบุว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องภายในของพรรคก้าวไกล โดยทราบว่าพรรคก้าวไกล ได้เตรียมแก้ไขข้อกังขาไว้อยู่แล้ว และคิดว่าจะผ่านไปด้วยดี แต่ในประชุมของหัวหน้าพรรคทั้ง 8  พรรคในวันนี้ คงไม่มีการนำประเด็นนี้ขึ้นมาหารือในวงประชุม

“การประชุมวันนี้เป็นการประชุมสืบเนื่องจากเมื่อวาน โดยจะนำข้อหารือทั้งหมด มานำเสนอต่อแกนนำพรรคร่วมทั้ง 8 พรรค เพื่อกำหนดเป็นนโยบายในอนาคตต่อไป” นายประเสริฐ ระบุ
 

นายประเสริฐ กล่าวถึงความชัดเจนเรื่องการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีด้วยว่า ต้องรอให้ทางคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองผลการเลือกตั้งก่อน เพื่อจะได้รู้จำนวนสมาชิกของแต่ละพรรค โดยเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ต้องคุยกัน แต่คงไม่ใช่วันนี้

“ช่วงนี้ยังมีเวลา หากนับจากวันเลือกตั้ง 14 พ.ค. ตอนนี้ยังไม่ถึงเดือน โดยกกต.สามารถรับรองได้ภายใน 60 วัน และเชื่อว่าหาก กกต.รับรองแล้ว ภาพจะชัดเจนโดยเฉพาะตำแหน่งต่าง ๆ ที่ยังคาราคาซังอยู่”

สำหรับการหารือหัวหน้าพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรควันนี้นั้น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวก่อนหน้านี้ว่า จะนำเอาข้อสรุปคณะทำงานที่หารือกันวานนี้นำเสนอต่อคณะกรรมการ โดยเนื้อหาของการประชุมมีข้อสรุป 3 วาระ ประกอบด้วย

วาระที่ 1 คณะทำงานค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันดีเซล และราคาพลังงาน ได้รายงานผลการหารือของคณะทำงานเกี่ยวกับข้อดีข้อเสีย และผลกระทบกับประชาชน กรณีถ้ารัฐบาลปัจจุบันไม่ต่อเวลาการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ที่จะหมดอายุลงในวันที่ 20 กรกฎาคม 2566

วาระที่ 2 การกำหนดกรอบการทำงานให้อีก 6 คณะที่เหลือสามารถทำงานต่อเนื่องและมีเอกภาพ 

วาระที่ 3 แต่งตั้งคณะทำงานเพิ่มเติมอีก 5 คณะ คือ คณะทำงานเศรษฐกิจและรัฐบาลดิจิทัล, คณะทำงานต่อต้านคอร์รัปชันต่อต้านส่วย, คณะทำงานสาธารณสุข, คณะทำงานเพื่อความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจและสังคม และคณะทำงานปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ