ชงกกต.ยุบก้าวไกล “ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ” จุ้นตั้งรัฐบาล ผิดก.ม.พรรคการเมือง

22 พ.ค. 2566 | 08:17 น.

งานเข้า “ก้าวไกล” ศรีสุวรรณยื่นกกต.สอบ ปม“ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ พรรณิการ์” ชี้นำครอบงำพรรค จุ้นตั้งรัฐบาล ส่อผิด ม.28, 29 ถึงขั้นยุบพรรค ลั่นไม่กลัวปากแตกรอบ 3 แต่เพิ่มการ์ดคุ้มครอง

งานเข้าพรรคก้าวไกล อีกเรื่องแล้ว วันนี้ ( 22 พ.ค. 66)  นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เข้ายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ ช่อ-พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า เข้าข่ายครอบงำ ชี้นำการทำกิจกรรมของพรรคก้าวไกล ขัดมาตรา 28 พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 หรือไม่ 

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค ซึ่งทั้ง 3 คนรวมอยู่ด้วย แต่ยังพบว่าบุคคลทั้ง 3 มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้งการตั้งคณะก้าวหน้า และมูลนิธิก้าวหน้า ที่มีสถานที่ตั้งเดียวกับพรรคก้าวไกล 

มีการรณรงค์ล่ารายชื่อประชาชน 5 หมื่นชื่อ เพื่อแก้ไข พ.ร.บ.การเลือกตั้งท้องถิ่น โดย พรรคก้าวไกล ทำคู่ขนานไปในทางเดียวกัน แม้ว่ากฎหมายดังกล่าวจะถูกตีตก ไม่ผ่านรัฐสภา แต่บุคคลทั้ง 3 ยังมีการขับเคลื่อนเชิงนโยบาย ผลักดันการกระจายอำนาจ ปฏิรูปท้องถิ่นเรื่อยมาจนถึงการเลือกตั้งส.ส. เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2566 ก็เลี่ยงกฎหมายด้วยการไปเป็นผู้ช่วยหาเสียง และออกหาเสียงทั่วประเทศให้กับพรรคก้าวไกล 

เมื่อเลือกตั้งเสร็จ พรรคก้าวไกล มีคะแนนเสียงมาเป็นอันดับหนึ่ง กำลังจัดตั้งรัฐบาล บุคคลทั้ง 3 ก็ไปร่วมวงจัดตั้งรัฐบาล กับ พรรคก้าวไกล และพรรคการเมืองอื่น 

“พฤติกรรมเหล่านี้สะท้อนว่าทั้ง 3 คน เข้าไปเกี่ยวพันกับพรรคก้าวไกลอย่างต่อเนื่อง จึงอาจจะเข้าข่ายเป็นการชี้นำ ครอบงำ ก้าวก่าย การทำกิจกรรมของพรรค” 

ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ นายธนาธร เคยให้สัมภาษณ์ผ่านรายการคุยฟ้าผ่า ทางช่องยูทูปว่า ได้สั่งให้ ส.ส.พรรคก้าวไกล หาเสียงเพื่อผลักดันร่างพ.ร.บ.สุราก้าวหน้า โดยพรรคก็ขานรับ 

“ผมจึงเห็นว่า เป็นเหตุที่กกต.ต้องวินิจฉัยตามกฎหมาย จึงนำหลักฐานเป็นคลิปเสียงพร้อมถอดเทปมายื่นต่อ กกต. เพื่อชี้ให้เห็นว่าทั้ง 3 คน ไม่ได้มีการตัดขาดกับพรรคก้าวไกลเลย และหาก กกต. วินิจฉัยว่า ทั้ง 3 มีความผิดตามมาตรา 28 ในส่วนของพรรคก็จะเข้าข่ายยอมให้บุคคลซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคชี้นำ ครอบงำ ขัดมาตรา 29 เป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองได้”

                      ศรีสุวรรณ จรรยา เข้ายื่นร้องเรียนต่อ กกต.ให้ตรวจสอบ กรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ พรรณิการ์ วานิช เข้าข่ายครอบงำพรรคก้าวไกล

นายศรีสุวรรณ ยังยืนยันว่า การร้องเรียนต่างๆ เป็นการทำหน้าที่ตรวจสอบตามที่กฎหมายเลือกตั้ง และกฎหมายรัฐธรรมนูญให้สิทธิ ซึ่งประชาชนกว่า 70 ล้านคนก็สามารถทำได้ เพียงแต่ประเด็นที่ตนร้องอาจจะไปขัดหูขัดตาผู้มีอำนาจ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหวั่นเกรงอะไร เพราะจะให้คนรักทั้ง 100% ก็ไม่ได้ 

“ก็เหมือนพรรคการเมืองที่มีทั้งคนชอบ และไม่ชอบ แต่เรายืนยันว่า ทำหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ต่อไปอาจจะไม่มีการแจ้งหมายงานต่อสื่อมวลชนล่วงหน้า เพราะไม่อยากให้เกิดการปะทะกัน”

ส่วนที่มีผู้มายื่นคัดค้านการร้องเรียนของตนนั้น มองว่าเป็นสิทธิที่เขาสามารถทำได้ แต่คนที่ทำร้ายตนกฎหมายก็คือกฎหมาย อย่ามาร้องห่มร้องไห้ ตีหน้าเศร้าเพื่อรับเงินบริจาค ถ้าทำรับรองเจออีกคดีแน่ 

“กล้าทำผิดก็ต้องยอมรับผิด เป็นลูกผู้ชายหน่อย ทั้งนี้ ที่ผ่านมาผมร้องมาเป็นร้อยๆ เรื่องแล้ว จะให้สัดส่วนเรื่องที่ร้องเรียนของแต่ละฝั่งเท่าๆ กันคงเป็นไปไม่ได้”

เมื่อถามว่าเหตุที่มาร้องเพราะมองว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่เหมาะสมเป็นนายกฯ หรือไม่ นายศรีสุวรรณ ตอบว่า นายพิธาเหมาะสมเป็นนายกฯ เพราะเป็นคนรุ่นใหม่ แต่นโยบายของพรรคบ้างเรื่องไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมไทย โดยเฉพาะการแก้ไข มาตรา 112 กระทบใจคนไทยมาก ซึ่งนายพิธา ก็ยืนยันว่าจะเดินหน้าทำเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นเรื่องความเหมาะสมก็เรื่องหนึ่ง 

เมื่อถามว่าคิดว่าใครเหมาะสมเป็นนายกฯ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า หัวหน้าพรรคการเมืองทั้ง 70 พรรค ตนว่าไม่มีใครเหมาะสม ตนไม่เชียร์ใคร ขอทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเดียว พรรคก้าวไกล ถ้าถอยเรื่องมาตรา112 ได้ คิดว่าจะกลายเป็นฮีโร่ของคนไทยด้วยซ้ำ 

ถ้าจะสง่างามควรถอยเรื่องนี้ จากนั้นให้ไประดมความคิดเห็นของคนที่เห็นต่างเพื่อให้ตกผลึกก่อนผลักดันเป็นนโยบาย เพราะหากยังดัน 112 ต่อ คนที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยทั้งใน และนอกสภา ก็จะทำให้เกิดความขัดแย้ง กลัวว่าประเทศไทยจะเป็นยูเครน 2 

“ต่อไปการทำหน้าที่อาจจะต้องเปลี่ยนวิธีการ วันนี้มีการ์ดมาคอยดูแล เพราะถูกทำร้ายมา 2 รอบ ยอมรับว่า ห่วงครอบครัว แต่ภรรยาผมก็แนวคิดเดียวกัน  ซึ่งต้องขอบคุณที่เขาที่คอยชี้แนะและเป็นกำลังใจให้”

เมื่อถามว่าไม่กลัวปากแตกอีกหรือ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ถ้ากลัวก็ไม่มายืนอยู่ตรงนี้ ไม่มีใครหยุดศรีสุวรรณได้ มีแต่จะทำงานให้หนักขึ้น ตอนนี้ปากหายแล้ว กินน้ำพริกได้แล้ว หล่อแล้ว พร้อมกับเปิดหน้ากากอนามัยโชว์ผู้สื่อข่าว

ส่วนกรณีนายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล หรือ ลุงศักดิ์ ผู้ที่เคยบุกชกนายศรีสุวรรณ ระบุว่าจะไม่จ่ายค่าเสียหายให้แม้แต่บาทเดียวนั้น ก็เป็นเรื่องของเขา หากไม่มีเงิน ศาลมีคำพิพากษาเมื่อไหร่ ตนก็เอาหมายไปยึดทรัพย์ ขายทอดตลาด กลัวแต่จะได้ไม่ถึงกับที่ยื่นร้องไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลใครจะจับมือ เปลี่ยนขั้วอย่างไรเป็นเรื่องของเขา อย่าทำผิดกฎหมายก็แล้วกัน หากทำผิดกฎหมายเมื่อไหร่ ศรีสุวรรณ ร้องแน่ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดิม นายศรีสุวรรณ นัดหมายสื่อจะมายื่นฟ้องเรื่องดังกล่าวในเวลา 10.00 น. แต่ทราบว่า นายวีรวิชญ์ ซึ่งเคยชกนายศรีสุวรรณ และนายภัทรพงศ์ มายื่นคัดค้านการร้องเรียนของ นายศรีสุวรรณ และรอพบ นาย ศรีสุวรรณ อยู่ จึงเลื่อนเวลาการยื่นคำร้องออกไป โดยก่อนนายศรีสุวรรณ จะมาถึง ก็จะมีการ์ดมาคอยดูแลความปลอดภัยก่อน 

ก่อนหน้าที่นายศรีสุวรรณยื่นคำร้องดังกล่าว ก็ได้เข้าให้ถ้อยคำ ต่อ กกต.กรณียื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบพรรคเพื่อไทย กรณี นายสมชาย แสวงการ ออกมาโพสต์คลิปทักษิณ สั่งส.ส.โอนเงินซื้อสิทธิ ขายเสียงเพื่อให้ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ด้วย