นายศุภฤกษ์ ภู่พงศ์ศักดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงาน รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (สำนักงาน ป.ย.ป.) และคณะ เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการร่วมกับสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดทำโครงการขับเคลื่อนการสร้างความสามัคคีปรองดองสมานฉันท์รายการค่าใช้จ่ายในการสร้างการรับรู้เพื่อให้เกิดความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ
ทั้งนี้ เพื่อแสวงหาองค์ความรู้และข้อมูลเรื่องปัญหาความขัดแย้งในการเมืองไทยและวิธีการสร้างความปรองดอง โดยเปิดโอกาสให้หลากหลายภาคส่วนมีส่วนร่วมในการหาแนวทางสร้างความปรองดองด้วยการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นและสำรวจความคิดเห็นด้วยแบบสอบถาม นำองค์ความรู้และข้อมูลดังกล่าวมาสังเคราะห์วิเคราะห์สภาพปัญหา กำหนดแนวทางและสร้างกระบวนการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และจัดทำข้อเสนอที่ระบุแนวทาง กลไกและมาตรการในการสร้างความปรองดอง
อย่างไรก็ดี จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทยจำนวนไม่ต่ำกว่า 3000 คน และการจัดการประเชิงปฏิบัติการในจังหวัดตัวแทนภูมิภาคซึ่งมีผู้เข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 600 คน รวมถึงจัดประชุมคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญเพื่อหารือแนวทางและรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ทรงคุณวุฒิ โดยมีเป้าหมายว่าจะได้รับข้อมูลและแนวทางในการสร้างความปรองดองจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่สอดคล้องต่อสถานการณ์และความเป็นจริง
ประเด็นทางออกของความขัดแย้งหรือความปรองดองเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ ทุกฝ่ายเห็นความขัดแย้งและความเห็นต่างเป็นสิ่งปกติที่ต้องเกิดขึ้นในสังคมจึงเห็นว่าการปรองดองคือการทำให้คนในสังคมสามารถเห็นต่างกันแต่อยู่ร่วมกันได้โดยสันติ ซึ่งในการนี้ทุกกลุ่มเห็นว่าจะต้องดำเนินการอย่างน้อย 2 เรื่องคือ
นายศุภฤกษ์ กล่าวอีกว่า การที่จะดำเนินการปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ทางอำนาจและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจในสังคมไทยให้ใกล้เคียงกันมากขึ้นหรือการสร้างกติกาและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนเพื่อให้เกิดความปรองดองตามความคิดเห็นและข้อเสนอของภาคส่วนต่าง ๆ ดังข้างต้นนั้น และภายใต้โอกาสและข้อจำกัดต่าง ๆ โดยมีโอกาสที่สำคัญคือ การที่ประชาชนมีฉันทามติในเรื่องความต้องการอยู่ร่วมกันแม้มีความเห็นต่าง และมีข้อจำกัดสำคัญคือการขับเคลื่อนข้อเสนอเพื่อสร้างความปรองดองจำเป็นต้องใช้อำนาจ
โครงการดังกล่าวนี้จึงเสนอแนวทางในการขับเคลื่อนที่สามารถดำเนินการได้โดยสอดคล้องกับโอกาสและข้อจำกัดดังกล่าวคือ การขับเคลื่อนการปรองดองที่ทุกภาคส่วนสามารถมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนได้ และเป็นการขับเคลื่อนภายใต้เงื่อนไขปัจจัยที่ดำรงอยู่ของแต่ละภาคส่วนโดยใช้แนวทาง “เปิด-ปรับ-ผลัก”
ซึ่งหมายถึงการดำเนินการเปิดพลังบวกลดปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อความปรองดอง ปรับเปลี่ยนความรู้คิดเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกัน และผลักดันการเปลี่ยนแปลงให้มีการแก้ไขปรับปรุงเชิงสถาบันและโครงสร้างต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของประชาชน ผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างภาคประชาชนภาคเอกชนและภาครัฐ (Public-Private-People partnerships) หรือกลไกประชารัฐซึ่งประกอบไปด้วยยุทธศาสตร์ทั้ง 4 ด้าน