จากกรณี ส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทย เปรียบเทียบระหว่าง นายสมัคร สุนทรเวช กับ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในภาคอีสาน เพราะคนรากหญ้ายังติดแบรนด์เดิม คือ ทักษิณ และเครือญาติ คนอีสานไม่ได้สนใจ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนในเวลานั้น พวกเขาเข้าคูหา กาเลือกพลังประชาชน ด้วยความรักและคิดถึง นายทักษิณ จุดนี้เองที่ ส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทย รู้สึกเป็นห่วง หาก นายเศรษฐา เป็นว่าที่นายกฯ ตัวจริง ไม่ใช่ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร แล้ว ชาวบ้านจะไม่เลือกเพื่อไทยนั้น
“แรมโบ้อีสาน” ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการเลือกตั้งทั่วไป การเสนอบุคคลผู้มานั่งตามบัญชีของพรรคการเมือง ทุกพรรค สามารถเสนอบุคคลภายนอกได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 88 โดยมีเงื่อนไขจะต้องยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ก่อนปิดรับสมัครเลือกตั้งและประกาศให้ประชาชนทราบ
“เท่าที่ทราบพรรคการเมืองอื่น ไม่เห็นมีพรรคการเมืองไหน สับขาหลอกเหมือนพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะจะจับไต๋ รู้ทัน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องการดันบุตรสาว อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย วางตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีลำดับหนึ่ง แต่โยนหินถามทาง ลักษณะเอาเศรษฐกิจนำหน้าในนโยบายหาเสียง โดยนำ นายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ วางเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ลำดับหนึ่ง
ทั้งๆ ที่รู้ดีว่า ภาคอีสาน หากนำเสนอ นายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี ทางภาคอีสานขายไม่ได้ คำว่า ขายไม่ได้ ตรงนี้ ผมไม่ได้พูดเองนะ เอาคำพูด ส.ส.เพื่อไทย ภาคอีสานมาพูด ตรงนี้ รู้ทันว่า นายทักษิณ เพียงสับขาหลอกประชาชนเท่านั้น เพราะตามรัฐธรรมนูญสามารถเปลี่ยนลำดับได้ ก่อนปิดรับสมัคร ส.ส.”
ดร.เสกสกล กล่าวว่า ขณะนี้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ยังบริหารประเทศอยู่ ยังไม่หมดวาระหรือยุบสภา ขอให้กล้าๆ เปิดเผยว่าจะเอาบุตรสาวมานั่งบัญชีนายกรัฐมนตรีลำดับหนึ่ง คนอีสานฝากความคิดถึง นายทักษิณฯ ว่า เมื่อไหร่จะกลับมาติดคุก
“แล้วขอเตือนนายทักษิณ การเอาบุตรสาวมานั่งตำแหน่งดังกล่าว จบไม่สวย เหมือนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น้องสาว ไหนว่า 49 วันนารีขี่ม้าขาว ที่ไหนได้เผ่นแน่บหนีเอาตัวรอด ทิ้งลูกน้องติดคุกติดตาราง ตัวเองหนีออกนอกประเทศคนเดียวเห็นแก่ตัว ระวังลูกสาวจะมีชะตากรรมเดียวกันกับพ่อและอาก็แล้วกัน คงต้องหาซื้อคฤหาสห์หลังใหญ่ไว้รอต้อนรับอีกหลังเป็นแน่”
ดร.เสกสกล กล่าวต่อว่า เป็นเพียงการสับขาหลอกเพื่อโยนหินถามทางเท่านั้น เพราะวาเป็นเกม ประเด็นที่ นายทักษิณ ไม่เอา นายเศรษฐา เพราะ ไม่ใช่สายเลือดเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ และสุดท้ายจะสั่งไม่ได้
ยกตัวอย่าง ทักษิณ ทะเลาะกับ สมัคร เพราะพอ สมัคร เป็นนายกฯแล้ว ไม่ทำตามที่ทักษิณสั่ง เลยเอากรณีนั้นมาเป็นบทเรียน ด้วยการส่ง ยิ่งลักษณ์ น้องสาวมาเป็นนายกฯ นี่คือ เหตุผลที่ไม่มีทางเอา นายเศรษฐา ทวีสิน แน่นอน
"ยิ่งจะเอาไปขายไม่ได้ในภาคอีสาน แค่เทียบกับคุณหญิงหน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคไทยสร้างไทย ยังสู้ท่านไม่ได้ ประชาชนต้องมีสติรับฟังข้อมูลทุกด้าน แล้วจะรู้ทัน นายทักษิณ โดยเฉพาะกฎกระทรวงการได้มาที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยของคนต่างด้าว พ.ศ.2545 เกิดในรัฐบาล นายทักษิณ ในปี 2565 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ นำมาปรับฝุ่น เพิ่มความเข้มข้น เพิ่มศักยภาพ ที่สำคัญ การถือครองอาคารคอนโดมิเนียม ที่อยู่อาศัย 49% สำหรับคนต่างด้าวถือครองพบว่ามีมากมาย มีการ ขายขาด ไม่มีกำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำ และไม่มีการลงทุนล่วงหน้า 3 ปี ตามพ.ร.บ.อาคารชุด(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551 มีผลบังคับใช้วันที่ 4 ก.ค.2551 เกิดในรัฐบาลพลังประชาชน ถามว่า รัฐบาลไหนขายชาติกันแน่”
ดร.เสกสกล ยังตั้งข้อสังเกตว่า จะเห็นว่าพยายามให้บุตรสาวและบุตรชายมานั่งที่ปรึกษาต่างๆ ภายในพรรค แต่มีอำนาจเด็ดขาดเหนือหัวหน้าพรรคตัวจริง ผมว่า นายทักษิณ อย่าเหนียมอายเลย เอาบุตรสาวมานั่งเป็นหัวหน้าพรรคเองเลย คำว่า “แลนด์สไลด์”เป็นเพียงวาทกรรมทางการเมืองเท่านั้น
"จะสับขาหลอก หรือ จะวางตัวโยนหินถามทางยังไง โอกาสแลนด์สไลด์ยังมืดมน ที่จริงพรรคเพื่อไทยต้องตอบให้ชัด ที่พรรคก้าวไกลถามมาก่อน ว่าจะยืนเคียงข้างพรรคก้าวไกล จะแก้กฎหมาย ม. 112 และปฎิรูปสถาบันหรือไม่ จุดยืนพรรคเพื่อไทยจะปกป้องสถาบันหรือไม่ จะมีจุดยืนตามพรรคก้าวไกลหรือไม่ ประชาชนผู้จงรักภักดีปกป้องสถาบัน รอคำตอบจากพรรคเพื่อไทยเช่นเดียวกัน" นายเสกสกล กล่าว