ยึดทรัพย์ 136 ล้าน อดีตรอง ผบช.ภ.8 หลัง ป.ป.ช.ชี้มูล ร่ำรวยผิดปกติ

21 ก.ย. 2565 | 06:26 น.

ไม่ค่อยเห็น ป.ป.ช. โชว์คำพิพากษาศาลยึดทรัพย์ 136 ล้าน พล.ต.ท.สมชาย นิตยบวรกุล (อ่วมถนอม) อดีตรองรองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 หลังจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดร่ำรวยผิดปกติ

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) วันนี้ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.แถลงว่า ผลจากการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดกรณีกล่าวหา พล.ต.ท.สมชาย นิตยบวรกุล (อ่วมถนอม) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ 

 

โดยได้ส่งรายงานสำนวนการไต่สวนเอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดิน 

ต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 8 ได้มีคำพิพากษาในคดีไปเมื่อวันที่ 10 ส.ค.65 ความแพ่ง เรื่องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน คดีหมายเลขดำที่ พท 1/2564 คดีหมายเลขแดงที่ พท 1/2565 ระหว่าง อสส. ผู้ร้อง กับพล.ต.ท.สมชายที่ 1 ผู้ถูกกล่าวหา นางเกศินี นิตยากุล ที่ 2 ภริยาผู้ถูกกล่าวหา และ น.ส.ปาณิสรา หรืออัญชิสา นิตยบวรกุล ที่ 3 บุตรสาวผู้ถูกกล่าวหา ผู้คัดค้าน

 

ปรากฏว่า ศาลพิพากษาให้ทรัพย์สินของผู้คัดค้านที่ 1 พล.ต.ท.สมชาย ที่เป็นทรัพย์สิน ในชื่อของผู้คัดค้านที่ 1, ที่เป็นทรัพย์สินในชื่อของผู้คัดค้านที่ 2 (นางเกศินี) และที่เป็นทรัพย์สินในชื่อของผู้คัดค้านที่ 3 (น.ส.ปาณิสรา) ที่ถือครองแทน รวม 136,276,311 บาท พร้อมด้วยดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตกเป็นของแผ่นดิน

 

ศาลสั่งให้ผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ส่งมอบเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเงินและทรัพย์สิน 136,276,311 บาท พร้อมด้วยดอกผลตามคำร้องแก่แผ่นดินโดยกระทรวงการคลัง

ทั้งนี้ หากผู้คัดค้านทั้ง 3 ไม่สามารถโอนทรัพย์สินให้แก่แผ่นดินได้ ให้ผู้คัดค้านที่ 1 ใช้เงิน 136,276,311 บาท หรือให้โอนทรัพย์สินอื่นของผู้คัดค้านที่ 1 ตามสัดส่วนของมูลค่าทรัพย์สินที่ขาดอยู่แก่แผ่นดินแทนจนครบถ้วน และหากไม่โอน ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนา และให้ผู้คัดค้านที่ 1 ชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้ร้อง 10,200 บาท

 

เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า สำหรับทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ รวมมูลค่า 136,276,311 บาท มีจำนวน 14 รายการ ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวที่ศาลมีคำพิพากษา ตรงกับที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทุกรายการ 

 

ทรัพย์สินในชื่อ พล.ต.ท.สมชาย ประกอบด้วย

  1. ที่ดินโฉนดเลขที่ 37531 พร้อมบ้านพัก หมู่ที่ 7 ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มูลค่า 5,600,000 บาท
  2. เงินฝากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษ ในสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธร จังหวัดชุมพร  13,361,526 บาท
  3. ทุนเรือนหุ้น ในสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร ประเภทสามัญ 2,000,000 บาท

 

ทรัพย์สินในชื่อนางเกศินี ประกอบด้วย

  1. ที่ดินโฉนดเลขที่ 37530 พร้อมบ้านพัก หมู่ที่ 7 ต.หินเหล็กไฟ มูลค่า 4,000,000 บาท
  2. ที่ดิน ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ 3 ก (นส.3 ก.) รวม 10 แปลง ต.ทับใต้ มูลค่า 13,950,000 บาท
  3. ที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 16167 พร้อมอาคารพาณิชย์ (ตึกแถว 2 ชั้น) ต.ทับใต้ มูลค่า 800,000 บาท
  4. ที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 16171 พร้อมอาคารพาณิชย์ (ตึกแถว 2 ชั้น) หมู่ที่ 2 ต.ทับใต้ มูลค่า 500,000 บาท
  5. ห้องชุด ชั้นที่ 7 อาคารชุด คอนโดวีว่าคอนโด สาธร ตากสิน แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กทม. มูลค่า 2,705,048 บาท 
  6. เงินฝากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษ ในสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร  54,662,500 บาท
  7. เงินฝากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร 8,450,000 บาท
  8. ทุนเรือนหุ้นในสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร สมาชิกสมทบ 19,233,000 บาท
  9. สิทธิเรียกร้องในเงินกู้ ระหว่างนางเกศินี ผู้ให้กู้ กับนายนพดล นิตยากุล ผู้กู้ 2,100,000 บาท

 

นอกจากนี้ ยังมีทรัพย์สินในชื่อนางสาวปาณิสรา ประกอบด้วย

  1. ห้องชุด ชั้นที่ 20 อาคารชุด เอ็มคอนโด (M condo) แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร มูลค่า 8,714,237 บาท
  2. รถยนต์ ยี่ห้อมาสด้า รุ่นมาสด้า 2 เลขทะเบียน 7957 ภูเก็ต  200,000 บาท