ด่วน! “สุเทพ เทือกสุบรรณ”เฮ รอดคุก ศาลพิพากษายกฟ้องคดีสร้างโรงพัก

20 ก.ย. 2565 | 04:59 น.

“สุเทพ เทือกสุบรรณ” และพวก เฮ! ศาลฎีกานักการเมืองสั่งไม่ได้กระทำผิดคดีฮั้วประมูลโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน ทำให้รอดคุกทุกคน

วัน(20 ก.ย.65) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นัดพิพากษา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในคดีร่วมฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพักทดเเทนโครงการก่อสร้างอาคารที่พักแฟลตตำรวจ


ล่าสุด มีรายงานว่า  ศาลพิพากษายกฟ้องข้อกล่าวหา นายสุเทพ และพวกทั้งหมด เนื่องจากเห็นว่า ไม่มีความผิด และไม่ได้ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151,157

 คดีนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ  พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์ บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด และ นายวิศณุ วิเศษสิงห์ เป็นจำเลยที่ 1-6 

 

ก่อนหน้านั้น นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เป็นวันสำคัญมากสำหรับชีวิตของตน เนื่องจากถูกกล่าวหาว่า กระทำความผิดในกรณีของการก่อสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่ง ซึ่งการกล่าวหาตนเริ่มมาตั้งแต่ตอนที่มีการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร เริ่มต้นด้วยประเด็นที่คู่แข่งทางการเมืองยกขึ้นมาโจมตีเพราะว่าในขณะนั้นสถานีตำรวจที่ประมูลไปแล้วสร้างไม่เสร็จ เลยเอาตนมาเป็นแพะ 

ส่วนคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีอีกคนหนึ่งก็คือ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ออกมาแถลงข่าวดำเนินคดีว่าตนมีการฮั้วประมูล ซึ่งขณะนี้ก็ถูกจำคุกลงโทษไปแล้ว 


หลังจากนั้น ป.ป.ช. ก็ได้รับเรื่องต่อจากนายธาริต มาดำเนินการ เฉพาะการสอบสวนของป.ป.ช. ทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 7 ปี พอสอบสวนเสร็จก็ส่งสำนวนไปให้อัยการเพื่อฟ้องคดี แต่อัยการไม่เห็นด้วยกับสำนวนเนื่องจากความเห็นของอัยการคือตนไม่มีความผิด หลังจากมีการใช้เวลามากกว่าหนึ่งปีอัยการสูงสุดก็ได้มีการส่งสำนวนคืนให้ ป.ป.ช. ทำให้ ป.ป.ช.ดำเนินการฟ้องเอง
  

“ผมได้ต่อสู้คดีด้วยข้อมูลข้อเท็จจริง ทั้งพยานหลักฐาน พยานบุคคลและตัวบทกฎหมาย เพื่อพิสูจน์ว่าผมไม่ได้กระทำความผิดตามที่ได้มีการกล่าวหา ส่วนศาลจะพิพากษาอย่างไรผมก็เคารพศาล”


นายสุเทพ กล่าวว่า สำหรับข้อกล่าวหาที่บอกว่าตนทุจริตโครงการก่อสร้างโรงพักนั้น ถือเป็นตาบาปที่ติดตัวมาหลายปี รวม 10 ปี ตกเป็นจำเลยสังคม ซึ่งถ้าวันนี้ศาลพิพากษายกโทษไม่ลงโทษตน ก็ถือว่าได้เกียรติยศและศักดิ์ศรีกลับคืนมา ถ้าโชคร้ายศาลสั่งลงโทษ ตนก็ต้องก้มหน้าก้มตารับกรรมต่อไป มาถึงวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเรื่องทั้งหมด 


“หากผ่านกระบวนการยุติธรรมแล้วผลไม่เป็นคุณ ก็จะถือเป็นการปิดฉากทางการเมืองของตัวเองแล้ว เพราะผมไม่มีหลักฐานอะไรที่ใหม่กว่านี้แล้ว เนื่องจากได้นำเสนอครบถ้วนแล้ว”