อรรถวิชช์ชู”ทฤษฎีไม้เสียบลูกชิ้น”ปรับโฉมระบบราชการสู้วิกฤตโลก

01 ส.ค. 2565 | 10:02 น.

พรรคกล้าชี้ทางรอดจากวิกฤตโลก เสนอทฤษฎีไม้เสียบลูกชิ้น ปรับโฉมระบบราชการใหม่สู้โลกเปลี่ยนฉับพลัน  บูรณาการกฎระเบียบร้อยเรียงกัน  หนุนธุรกิจเป้าหมายให้ทะลุทะลวงข้อจำกัด เปิดทางรายย่อย-SMEs เข้าถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวตอนหนึ่งในการเสวนา เศรษฐกิจไทยจะก้าวผ่านอย่างไร ในการสัมมนา Thailand Survival ไทย..จะรอดอย่างไรในวิกฤตโลก จัดโดยเครือเนชั่น ว่า  โลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงฉับพลัน จึงปรากฎมีวิกฤตซ้ำซ้อนต่อเนื่องไม่หยุด ทั้งโรคระบาด สงคราม โลกร้อน-สิ่งแวดล้อม น้ำมันพลังงาน ดิจิทัลดีสรัปชั่นขณะที่เครื่องมือแบบเก่าใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป

 

ตัวอย่างเช่นเครื่องมือการเงิน เมื่อสหรัฐเจอปัญหาเงินเฟ้อ จากที่พิมพ์แบงก์ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจก่อนหน้านั้น เฟดจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยแรง พอสหรัฐขึ้นดอกเบี้ยบ้านเราจะไม่ขึ้นก็ไม่ได้ แต่จะขึ้นแรงอย่างเขาก็ไม่ไหว ต้องลองมาเปลี่ยนมุมคิดใหม่ แทนที่จะคิดเรื่องขึ้นดอกเบี้ยตามอย่างเดียว เปลี่ยนมาคุยกับแบงก์พาณิชย์ มาสำรวจส่วนต่างดอกเบี้ยของระบบธนาคาร ยอมไหมที่จะลดสเปรดดอกเบี้ยลง โดยให้มาตรการจูงใจลดเวลาในกรมบังคับคดีให้เร็วขึ้น ลดต้นทุนให้แบงก์

เครื่องมือการคลังก็เจอปัญหา เวลานี้หนี้สาธารณะของไทยพุ่งสูงไม่หยุด จากระดับ 4.4 ล้านล้านบาท ขึ้นไปถึง 10.2 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ยังมีหนี้กึ่งการคลังที่แฝงอยู่อีกนับแสนล้านบาท ทั้งการชดเชยเกษตรกรของธ.ก.ส. หรือกองทุนน้ำมันที่ติดลบ โดยที่รัฐบาลไม่กล้าเก็บภาษีลาภลอยโรงกลั่นน้ำมันที่มีค่าการกลั่นเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว จากนี้ไปใช้เครื่องมือการคลังได้อย่างจำกัด 

 

เลขาธิการพรรคกล้า เสนอว่า ประเทศนี้จะก้าวต่อไปได้ ระบบราชการต้องเปลี่ยนโฉม อย่าทำแบบเดิมแต่ต้องคิดและทำแบบใหม่ ที่พยายามทำกันมาเรื่องการปรับรื้อระเบียบกฎหมาย ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของโลก (เรกูเลชั่น กิโยติน) ในเมืองไทยไปไม่สุด  เสนอให้ใช้ทฤษฎีไม้เสียบลูกชิ้น คือ บูรณาการกันให้ทะลุทะลวงแต่ละเรื่องให้สอดคล้องกัน 

นายอรรถวิชช์ยกตัวอย่าง ไทยเป็นอันดับ 3 ของโลกในเรื่องเฮลธ์-เวลเนส รองจากสหรัฐอเมริกา และเกาหลี มีคนเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่ผลประโยชน์ตกอยู่กับกิจการรายใหญ่-กลาง ขณะที่โฮมสเตย์-SMEs ไม่ได้อะไร ติดขัดข้อกฎหมาย เข้าพ.ร.บ.โรงแรมไม่ได้ ติดกฎหมายอาคารฯ ต้องออกกฎหมายโฮมสเตย์​ขึ้นมาโดยเฉพาะ

 

หรือกรณีนโยบายส่งเสริมรถยนต์อีวี แต่การจัดหารถเมล์อีวีของคมนาคมยังติดขัด  การติดตั้งสถานีชาร์จอีวี ของกระทรวงพลังงาน ยังไม่เกิดอย่างกว้างขวาง หรือมองไปในอนาคตหลังการใช้งานรถอีวีครบอายุแล้ว เวลานี้มีโรงงานแค่ 4 โรงที่ขึ้นทะเบียนกับกรมโรงงาน ที่สามารถกำจัดซากรถยนต์อีวีได้ จะส่งเสริมอีวีต้องทำให้ครบทั้งวงจร 

 

ทั้งนี้ นายอรรถวิชช์ย้ำว่า เศรษฐกิจไทยจะก้าวผ่านวิกฤตไปได้ ภาครัฐและระบบราชการต้องเปลี่ยนกรอบปรับมุมคิดระบบราชการต้องมองภาคเอกชนเป็นหุ้นส่วน เปลี่ยนบทบาทจากการกำกับดูแลเป็นการส่งเสริม หรือโค้ชชิ่งภาคเอกชนไปแข่งขันกับโลกยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงฉับพลันให้ได้