ดร.สมเกียรติ ชี้นายกฯเล็ก แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ตรงจุดกว่ารัฐบาลกลาง

27 ก.ค. 2565 | 08:45 น.

ประธานสถาบันทีดีอาร์ไอ ชี้ปัญหาในเมืองใหญ่แค่ไหน ยิ่งต้องแก้ที่จุดนั้น ดีกว่าไปแก้ที่รัฐบาลกลาง เพราะรู้ปัญหาและใกล้ชิดประชาชนมากกว่า ยกตัวอย่างปัญหากทม.อาจหนักกว่าผู้ว่าฯที่แข็งแกร็งที่สุดในปฐพีก็ได้


วันที่ 27 กรกฎาคม 2565  กรุงเทพธุรกิจ ร่วมกับ เนชั่นทีวี  และ สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย จัดงานสัมมนา "การกระจายอำนาจกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ" ณ โรงแรมพูลแมน คิงพาวเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ)

 

 โดย ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)   รักษาการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  กล่าวปาฐกถาเรื่อง “ยุทธศาสตร์การกระจายอำนาจเพื่อพลิกเศรษฐกิจไทย”

 

ดร.สมเกียรติ กล่าวว่า  วิธีแก้ปัญหาในแต่ละประเทศ และในโลกคำตอบล้วนมาจากท้องถิ่น เพราะปัญหาเกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่   เช่น ในแคลิฟอร์เนีย ภูมิประเทศด้านหนึ่งเป็นมหาสมุทร  ด้านที่หลือเป็นภูเขาโอบล้อม   เป็นเมืองที่มีมลพิษทางอากาศ  

 

รัฐบาลขณะนั้นไม่ยอมแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศที่เกิดจากการใช้รถยนต์  การแก้ปัญหาล่าช้า ทำให้มีการรวมกลุ่มแนวร่วมสีเขียว มาสู้กับแนวร่วมสีเทา คืออุตสาหกรรมรถยนต์ ประชาชนรวมตัวต่อสู้

 

จนแคลิฟอร์เนียเป็นมลรัฐแรกในอเมริกาที่ออกกฎหมายอากาศสะอาด  หลังจากนั้นรัฐบาลสหรัฐก็ออกกฎหมายเดียวกันทั่วประเทศ และสุดท้ายเป็นต้นแบบกฎหมายสะอาดทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย 

 ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)

 

ดร.สมเกียรติ กล่าวอีกว่า ขณะที่ปัญหาปากท้อง  ที่มาจากคนว่างงาน แม้ปัญหามาจากนอกประเทศ จากสงครามรัสเซีย- ยูเครน  ทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อในประเทศที่พัฒนาแล้ว และค่าเงินบาทอ่อน ทำให้สินค้าราคาแพง 

 

โจทย์ทางเศรษฐกิจแบบนี้ใครเป็นคนแก้ ถ้าดูจากภาพใหญ่รัฐบาลส่วนกลางเป็นคนแก้ ซึ่งหนีไม่พ้นธนาคารแห่งประเทศไทย    แม้การแก้ไขปัญหาปากท้องจะเป็นเรื่องใหญ่แค่ไหน สุดท้ายก็ต้องแก้ไขในจุดที่มีปัญหา คือแก้ที่เมืองนั่นเอง

 

ดังนั้นปัญหาในเมืองยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ยิ่งต้องแก้ที่จุดนั้นมากกว่าไปแก้ที่รัฐบาลกลาง ไม่ว่าปัญหาขยะ สิ่งแวดล้อม  การจราจร สาธารณภัย ฯลฯ จะรอรัฐบาลกลางแก้ก็ได้ แต่หลายเรื่องการแก้ที่ท้องถิ่นที่เทศบาลจะได้ผลมากยิ่งกว่า    และผู้นำท้องถิ่นคือ นายกฯเทศมนตรี เป็นผู้ที่สามารถสร้างความไว้วางใจ จำเป็นอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหายากๆได้  

 

 

ดร.สมเกียรติ กล่าวว่า  เมืองที่สำคัญที่สุดในประเทศไทยคือ กรุงเทพ  เพราะมีขนาดที่ใหญ่โต ถ้าเทียบความใหญ่ของเมืองอันดับหนึ่ง กับเมืองที่ใหญ่อันดับสอง  

 

กรุงเทพเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่โตกว่าหลายประเทศมากในประเชิงประชากร  เช่น กรุงเทพ โตกว่าเมืองอันดับสองอย่างเชียงใหม่ 9 เท่า  ขณะที่หลายประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่นโตกว่าแค่ 3-4 เท่า


ถ้าจะดูการแก้ไขปัญหากรุงเทพ คงเป็นกรณีศึกษาได้  แต่ประเด็นสำคัญคือ  กรุงเทพไม่ใช่ประเทศไทย กรุงเทพเป็นเพียงเมืองหนึ่งในประเทศไทยเท่านั้น

 

ที่สำคัญเราไม่ควรเสี่ยงเอาอนาคตประเทศไทยไปผูกไว้กับกรุงเทพ  เพราะแม้กรุงเทพ ต่อให้มีผู้ว่าฯกทม.ที่แข็งแกร็งที่สุดในปฐพี  แต่ปัญหาอาจจะแข็งแกร็งกว่าผู้ว่าฯกทม.ก็ได้

 

ปัญหาที่เป็นรูปธรรมอีกอย่างของเมืองคือ ปัญหาน้ำท่วม เราเริ่มเห็นแล้วว่า ปัญหาฝน1,000 ปี หรือฝน 2,000 ปี มันจะตกทุกปีได้ในอนาคตจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมีการพยากรณ์ว่า  อีกไม่เกิน 30 ปี กรุงเทพและปริมณฑล ตลอดจนภาคกลางตอนล่างอาจจะจมในทะเลก็ได้


ถ้าเราเอากิจกรรมเศรษฐกิจทั้งหมด กับการตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่กรุงเทพ แล้วถ้ากรุงเทพเกิดปัญหาในอนาคตประเทศไทยจะเป็นอย่างไร 


คำตอบอยู่ที่ท้องถิ่นแต่ละท้องถิ่น เทศบาลแต่ละเทศบาล ในประเทศไทย


ส่วนปัญหาปากท้องชาวบ้าน  ที่กำลังเป็นเรื่องใหญ่ก็เป็นงานของเทศบาล ซึ่งตัวอย่างในการแก้ไขปัญหาชาวบ้านหลายแห่ง เช่นที่จังหวัดยะลา   และที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ท้องถิ่นมีการแก้ปัญหาโดยใช้โซเชียลเป็นเครื่องมือในการค้าขายช่วงวิกฤติโควิด  เป็นตลาดออนไลน์  แทนตลาดกายภาพ 


แม้แต่การฉายหนังกลางแปลงในกรุงเทพ ประชาชนระดับกลางบอกชอบ ชอบตรงที่มีพื้นที่สาธารณะ ทำให้เกิดบรรยากาศความคึกคักของเมือง แต่คำตอบของรองผู้ว่าฯ กทม.บอกว่าจุดประสงค์การจัดหนังกลางแปลงเพื่อต้องการแก้ไขปัญหาปากท้องชาวบ้าน   ขายหาบเร่แผงลอย ที่ถูกจัดระเบียบ จนชาวบ้านมีปัญหาทำมาหากินไม่ได้

 

 เมื่อเกิดโควิดระบาดทำให้คนกรุงเทพ ตกงานมากขึ้น  พอมีหนังกลางแปลงคนที่ดีใจไม่แพ้ชนชั้นกลางก็คือชาวบ้าน นี่คือจินตนาการของเมืองที่ตอบสนองชาวบ้าน 


ในตอนท้าย ดร.สมเกียรติ กล่าวว่า ท้องถิ่นมีขีดความสามารถหลายอย่าง สามารถตอบสนองความต้องการอันหลากหลายได้ดีกว่าประเทศ  ท้องถิ่นสามารถแก้ปัญหาอย่างองค์รวมเพราะเป็นการแก้ไขในเชิงพื้นที่ ดีกว่าการแก้ไขปัญหาจากรัฐบาลกลาง
ปัญหาของประเทศไทยใหญ่เกินไป คนที่จะแก้ได้ ต่อให้เป็นซุปเปอร์แมน หรือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีก็ตาม 


พร้อมบทสรุปว่า “หลายปัญหาจะแก้ได้ นายกฯเล็กจะแก้ได้มากกว่านายกฯใหญ่  การกระจายอำนาจคือทางออกของประเทศไทย”