ปรับครม.หลัง“ซักฟอก” จัดทัพรับเลือกตั้ง

20 ก.ค. 2565 | 04:50 น.

จับตาหลังศึกซักฟอก “ปรับครม.”รับการเลือกตั้งใหญ่ ดัน“บิ๊กป้อม”ควบเก้าอี้ “มท.1” โยก“อนุพงษ์”นั่งรมว.กลาโหม หรือ พลังงาน ขณะที่ส.ส.ใต้-กทม.พลังประชารัฐ ลุ้นนั่งรมต.

ท่ามกลาง “โหมดซักฟอกรัฐบาล” ที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 ก.ค. โหวตลงมติเช้าวันเสาร์ที่ 23 ก.ค.65 ก็มีกระแสข่าวเรื่องการ “ปรับครม.”โผล่ขึ้นมาให้ชวนติดตามอีกแง่มุมหนึ่งในเชิงข่าวการเมือง


เป็นข่าวที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาจากการประชุม “พรรคพลังประชารัฐ” เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2565 ซึ่งเป็นการประชุมส.ส.เพื่อซักซ้อมรับมือกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยมี บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค เป็นประธาน ประชุมกันที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ 

มีรายงานว่า ในการประชุม พล.อ.ประวิตร ค่อนข้างอารมณ์ดี และได้กำชับส.ส.ให้ลงมติรัฐมนตรีไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด 11 คน (รมต.ที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ 11 คน) พร้อมกับแจ้งถึงจุดยืนของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา กับพรรคเศรษฐกิจไทย ไม่ได้อยู่กับพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว “ร.อ.ธรรมนัสไม่ได้อยู่แล้ว เขาก็ไปเป็นตัวของตัวเอง ควบคุมอะไรเขาไม่ได้แล้ว”


นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับส.ส.อย่าโหวตสวนแนวทางพรรค “ใครอย่าโหวตอย่างอื่น ถ้าทำอย่างอื่น ต่อไปหมดสิทธิ์ จะไม่ดูแลอีกแล้ว”

 แต่ “ไฮไลต์” สำคัญของการประชุมพรรคพลังประชารัฐ อยู่ในช่วงที่ พล.อ.ประวิตร ได้ถาม ส.ส.ว่า มีใครจะแสดงความเห็นอะไรหรือไม่ ทำให้ผู้บริหารพรรครายหนึ่ง เปิดประเด็นเกี่ยวกับการ “ปรับครม.”  หลังจบศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเฉพาะตำแหน่ง “รมว.มหาดไทย” ซึ่งผู้บริหารพรรครายนี้ เสนอให้ปรับเปลี่ยนตัวบุคคล อยากให้ พล.อ.ประวิตร ไปดำรงแหน่งดังกล่าวแทน ก่อนที่ผู้บริหารพรรคคนดังกล่าวจะถามส.ส.ในที่ประชุมว่าใครเห็นด้วยยกมือขึ้น ปรากฏว่ามี ส.ส. 4-5 คน ที่ปกติมักไม่ค่อยแสดงความคิดเห็น ลุกขึ้นกล่าว “รับลูก” สนับสนุนให้มีการปรับ รมว.มหาดไทย โดยอ้างว่า “ไม่เอื้อต่อการเลือกตั้ง”


ทำให้ “บิ๊กป้อม” ต้องเบรกว่า “ถือเป็นการแสดงความคิดเห็น ไม่เป็นไร หลังโหวตค่อยว่ากัน ผมจะลองคุยกับนายกฯ ดู แต่ตอนนี้ต้องโหวตให้เหมือนกัน 11 คนนะ”


ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 158 บัญญัติให้มีนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอื่นอีกไม่เกิน 35 คน แต่ตั้งแต่มีการปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พัน รมช.เกษตรและสหกรณ์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ พ้น รมช.แรงงาน เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2564 ก็ยังไม่มีการแต่งตั้งใครเข้าไปเป็นรัฐมนตรีแทนแต่อย่างใด จวบจนถึงปัจจุบัน จึงยังมีเก้าอี้รมต. 2 ตำแหน่งที่สามารถแต่งตั้งคนเข้าไปทำหน้าที่แทนได้ …ตรงนี้จึงมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่เมื่อ “จบศึกซักฟอก” จะมีการ “ปรับครม.” เกิดขึ้น เพื่อปูทางไปสู่การ “เลือกตั้งใหญ่”ที่จะมีขึ้นในปี 2566

                                     ปรับครม.หลัง“ซักฟอก” จัดทัพรับเลือกตั้ง
สำหรับ “ไฮไลต์” สำคัญของการ “ปรับครม.” ก็น่าจะโฟกัสไปที่ตำแหน่ง “รมว.มหาดไทย” ที่ปัจจุบัน บิ๊กป๊อก-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ดำรงตำแหน่งอยู่ ซึ่งส.ส.พรรคพลังประชารัฐ อยากให้ “บิ๊กป้อม” เข้าไปดำรงตำแหน่งแทน


แต่จะว่าไปแล้วเรื่องการเสนอให้ “บิ๊กป้อม” ไปนั่งเป็น รมว.มหาดไทย ก่อนหน้านี้ก็เคยมีการเสนอมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยเมื่อวันที่ 7 ก.พ.2565 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา นัดกลุ่ม ส.ส.ที่ถูกขับออกจากพลังประชารัฐ ไปหารือกันที่ จ.ภูเก็ต 


ในการหารือของพรรคเศรษฐกิจไทยครั้งนั้น มีข้อสรุปสำคัญยื่นข้อเสนอต่อรองเก้าอี้ รมว.มหาดไทย เพื่อแลกกับการสนับสนุนรัฐบาล โดยเห็นตรงกันว่า พล.อ.ประวิตร เหมะสมที่จะดำรงตำแหน่ง “มท.1” แทน พล.อ.อนุพงษ์ เนื่องจากมีศักยภาพ สามารถตอบสนอง ส.ส.ในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี และเป็นการขยายฐานทางการเมืองรองรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งครั้งนั้น พล.อ.ประวิตร ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ปฏิเสธว่า “ไม่ไป ยังไม่มีใคร ให้ไปตรงไหน"


แต่มาครั้งนี้หากจะมีการ “ปรับครม.” ก็มีแนวโน้มสูงที่ “พล.อ.ประวิตร” จะไปควบเก้าอี้ รมว.มหาดไทย อีกตำแหน่งหนึ่ง แทนที่ “พล.อ.อนุพงษ์” ที่อาจโยกไปเป็น “รมว.กลาโหม” 


หรือไม่อีกแนวทางหนึ่ง คือ การขยับ พล.อ.อนุพงษ์ พ้นรมว.มหาดไทย ไปเป็น รมว.พลังงาน ที่ สุพัฒนพงศ์ พันมีเชาว์ จะเหลือเพียงตำแหน่ง “รองนายกฯ” ดูแลน้ำ-ธนาคารที่ดิน-รมช.เกษตรฯ-ไอซีที-แรงงาน-งบประมาณ แล้วดึงคนนอกเป็นเข้ามาเป็น “รมว.คลัง” แทน อาคม เติมพิทยาไพสิฐ ที่จะเป็นรองนายกฯ ดูแลสภาพัฒน์


ขณะเดียวกัน ก็จะมีการแต่งตั้งรมต.ใหม่อีก 2 ตำแหน่งที่ว่างอยู่ ของพรรคพลังประชารัฐ คาดว่าจะเป็นโควตาของส.ส.ภาคใต้ 1 ตำแหน่ง และ ส.ส.กทม. 1 ตำแหน่ง


หลัง “จบศึกซักฟอก” มารอดูกันว่าจะมีการ “ปรับครม.” ตามเสียงเรียกร้องของส.ส.พลังประชารัฐ เพื่อปูทางการสู่การเลือกตั้งใหญ่หรือไม่...